แม้เรื่องจะผ่านมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ความร้อนแรงปม นาฬิกาหรู ของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมก็ไม่ได้เบาบางหรือเจือจางลงไปเลย กลับยิ่งร้อนแรงเป็นที่สนใจของสังคมมากขึ้นทุกวัน
จากเรื่อง ปกปิด ขยายมาสู่ประเด็น ความรับผิดชอบทางการเมือง โดยยกบรรทัดฐานที่ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้กับข้าราชการที่พัวพันการทุจริตซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
การ นิ่ง โดยโยนให้เป็นหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทนที่จะสยบความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ กลับยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดันให้ บิ๊กป้อม ต้องแสดงความรับผิดชอบมากขึ้นทุกวัน
แต่ละวันตัวละครสำคัญหรือผู้มีบทบาททางสังคม ปรากฏตัวเพื่อแสดงทัศนะที่ไม่ได้เป็นผลบวกต่อตัวพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์เลย
แม้แต่คนกันเอง หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีใน ครม.ประยุทธ์ 1 ยังออกมากระทุ้งเพื่อนร่วมรุ่น เซนต์คาเบรียล ของตัวเอง ให้ไขก๊อกเพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมของรัฐบาล
ยิ่งนานวัน บิ๊กป้อม มีแต่แบกความกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองคนรอบตัวมีเพียง บิ๊กตู่ เท่านั้นที่ยังคอยโอบอุ้ม จนมีกระแสข่าวว่าพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ไม่อาจต้านทานกระแสที่ถาโถม และเตรียมจบปัญหาในสิ้นเดือนมกราคมนี้
สำหรับตัว บิ๊กป้อม แต่เดิมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า จากนาฬิกาเรือนเดียวของตัวเองในวันนั้น จะกลายมาเป็น เชื้อ ที่สั่นคลอนตัวเองมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา และรุนแรงระดับที่ทำให้คนมากด้วยบารมี ถอดใจ ได้
เพียงแต่คนที่ไม่อยากให้ บิ๊กป้อม ตัดสินใจแบบนั้นคือ น้องรักอย่าง บิ๊กตู่ เพราะสำหรับ คสช. และ รัฐบาล จะขาด มือประสานสิบทิศ ทั้งทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ นักการเมือง แทบจะทุกแวดวงรายนี้ไม่ได้
บิ๊กตู่ อาจมีภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต นั่งเก้าอี้นายกฯ ได้ แต่ในทางการเมืองมันไม่เพียงพอ สำหรับองค์ประกอบของรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะขุนพลในลักษณะของ แม่บ้าน ที่ต้องทำหน้าที่เดินเกมทั้งบนดินและใต้ดิน
จึงเห็นว่า บิ๊กตู่ พยายามทำทุกทางเพื่อเซฟพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ แม้กระทั่งเรื่องการออกมาแถลงความคืบหน้าล่าสุดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เกี่ยวกับคดีนี้
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. บิ๊กตู่ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงบ่ายโมงว่า ป.ป.ช.จะแถลงเรื่องนี้ในวันที่ 24 ม.ค.
เป็นการให้สัมภาษณ์ก่อนที่ ป.ป.ช. จะแจ้งกำหนดการแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวนานเกือบ 2 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า บิ๊กตู่ รู้มาก่อนแล้วว่าจะมีการแถลง
ดูเหมือนรัฐบาลอยากให้ ป.ป.ช. แถลงเรื่องนี้ เพื่อลดแรงบีบให้ บิ๊กป้อม หลังการเงียบของทั้ง บิ๊กป้อม และ ป.ป.ช. ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
อย่างน้อยการแถลงของ ป.ป.ช. จะทำให้เห็นว่ามีความคืบหน้า โดยเฉพาะการออกมาระบุว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.นี้ ที่อาจทำให้ช่วงปลายเดือน ม.ค.ถึงต้น ก.พ. อย่างน้อย บิ๊กป้อม ก็มีเวลาได้หายใจสะดวกมากขึ้น
หรือเรื่องการโชว์สปิริตไม่เข้าร่วมพิจารณาเรื่องนี้ของ บิ๊กกุ้ย-พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ที่ต้องการทำให้ความร้อนแรงของเรื่องนี้ เบาบาง ลงไปอีกนิด อย่างน้อยก็ตัดประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ออกไป
ทั้งที่ความจริงในทางปฏิบัติแม้ บิ๊กกุ้ย จะไม่เข้าร่วม แต่ในฐานะประธานย่อมมีอิทธิพลต่อสำนักงานอยู่ดี อีกทั้งการถอนตัวยังเป็นตอกย้ำให้เห็นว่าทั้งสองคนมีความใกล้ชิดกันจริง
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นภาวะ จนมุม ของรัฐบาลในเรื่องของ บิ๊กป้อม ที่วันนี้ต้องอาศัย ป.ป.ช. เข้ามาช่วย ยื้อชีวิต ของพี่ใหญ่
เพียงแต่มันอาจเป็น ดาบสองคม ได้เหมือนกัน ถ้าผลสรุปออกมา "ไม่เคลียร์" ในทุกประเด็นที่สังคมสงสัย ที่จะยิ่งเป็นการสร้างเรื่องให้บานปลายเข้าไปใหญ่
ถ้ายื้อถึงตอนนั้นแล้วเรื่องยังไม่จบ บิ๊กป้อม ก็ไม่เหลือตัวช่วยอะไรอีกแล้ว นอกจาก "ยอมจำนน"
"ป.ป.ช." คือที่พึ่งสุดท้ายจริงๆ แล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |