เอวังนาฬิกาเพื่อน! ยืมไม่ต้องแจ้งปปช.


เพิ่มเพื่อน    

“ป.ป.ช.” เปิดแถลงคดีนาฬิกาหรูเสี่ยป้อมไร้เซอร์ไพรส์ แค่ “บิ๊กกุ้ย” กลัวครหาขอถอนตัว ตอกย้ำยืมจริงไม่ต้องแจ้ง! เพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์  พร้อมสวน “ภูมิธรรม” ทันควันเรื่องมาตรา 103 “ประวิตร” งดจ้อสื่อท่ามกลาง ทส.คุมเข้ม 
    เมื่อวันพุธ ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม โดยเป็นการชี้แจงครั้งที่ 3 แม้ที่ผ่านมามีการชี้แจงผ่านสื่อว่านาฬิกาไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล
    นายวรวิทย์แถลงอีกว่า การที่สื่อนำเสนอข้อมูลนาฬิกาทั้ง 25 เรือนนั้น บางเรือนมีรูปที่ไม่ชัดเจน บางเรือนเห็นเพียงแค่สาย จึงต้องตรวจสอบว่าข้อมูลเท็จจริงเป็นอย่างไร มี 25 เรือนจริงหรือไม่ หรืออาจเป็นภาพซ้ำ ความจริงแล้วอาจแค่ 15 เรือนก็ได้ และต้องตรวจสอบว่าเป็นนาฬิกาของใคร ใครเป็นเจ้าของ ส่วนการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาสอบพยานไปทั้งหมดแล้ว เหลืออีก 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ จะกลับมาสัปดาห์หน้า ซึ่งได้นัดหมายไปรับฟังการชี้แจงในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้นได้มีหนังสือไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาภายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าว 13 แห่ง เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย โดยอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากบริษัทเอกชนดังกล่าวที่ยังตอบมาไม่หมด
    “คิดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบสักพัก เพราะต้องตรวจสอบนาฬิกาทั้ง 25 เรือน คาดว่าถ้ารวบรวมข้อมูลครบถ้วนเรียบร้อย ข้อเท็จจริงยุติตามแผนจะสรุปได้ภายในเดือน ก.พ.นี้” นายวรวิทย์ระบุ
    เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ในการประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ได้นำเสนอความคืบหน้าในการรวบรวมข้อมูลต่อที่ประชุม โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ได้แถลงต่อที่ประชุมว่า เมื่อสำนักงาน ป.ป.ช.ดำเนินการแล้วเสร็จ และเสนอสำนวนการตรวจสอบทรัพย์สินคดีนี้แล้วจะขอถอนตัวจากการพิจารณาสำนวนการตรวจสอบทรัพย์สินคดีดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วกรณีกรรมการ ป.ป.ช.จะไม่สามารถเข้าร่วมพิจารณาได้ คือมีส่วนได้เสียกับเรื่องนั้น แม้ พล.ต.อ.วัชรพลไม่เข้าข่าย แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส จึงขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณากรณีนี้
     เมื่อถามว่า การสอบถามพยานพูดเป็นเสียงเดียวกันหรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตรยืมนาฬิกาเพื่อนมา นายวรวิทย์กล่าวว่า ขอให้เรื่องเหล่านี้อยู่ในสำนวน หลังจากการตรวจสอบแล้ว ป.ป.ช.จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ขอให้รออีกสักหน่อย 
ถามต่อว่า ถ้านาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น พล.อ.ประวิตรไม่จำเป็นต้องแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ตอบว่า หากนาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น พล.อ.ประวิตรไม่ต้องแสดง เพราะต้องแสดงเฉพาะทรัพย์สินตัวเองและคู่สมรสพร้อมบุตร แต่หากทรัพย์สินเป็นของ พล.อ.ประวิตร ต้องถามว่าได้มาเมื่อใด ก่อนหรือหลังเข้ารับตำแหน่ง ถ้าได้มาก่อนจะมีคำถามว่าเหตุใดจึงไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน แต่ถ้ามาได้หลังเข้ารับตำแหน่งจะถือว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องแจ้ง ยืนยันว่าการแสดงรายการทรัพย์สินนั้นต้องเป็นของตนเอง คู่สมรส และบุตร ทรัพย์สินที่จะยื่นนั้นต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้ครอบครองเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องยื่น
     ถามอีกว่า หากเป็นของบุคคลอื่น จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 103 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.2542 เกี่ยวกับการให้หรือรับสิ่งของหรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า ให้หรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นการให้ที่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของตน ถามต่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองคนอื่นๆ ใช้เหตุผลเรื่องการยืมมาเป็นข้ออ้างในอนาคตหรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า ต้องรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และ ป.ป.ช.ไม่ใช่ว่าจะเชื่อตามที่มีการกล่าวอ้างมา
    ทั้งนี้ ในช่วงท้ายการแถลง นายเอก อัตถากร ซึ่งเคยไปยื่นป้าย Respect My Vote ในงานปฏิรูปของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อต้นปี 2557 สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ และสวมแว่นดำ ลุกขึ้นไปหน้าเวทีพร้อมพูดว่า มีของที่ระลึกมอบให้กับเลขาธิการ ป.ป.ช. จากนั้นได้เปิดภาพลิง 3 ตัว ใส่นาฬิกาตัวละ 2 เรือน สวมใส่แหวนเพชรเม็ดใหญ่ทุกตัว กำลังปิดหู ปิดตา ปิดปาก มีโบรูปธงชาติอยู่กลางภาพ และอีกภาพเป็นหมูสีแดงในชุดเครื่องแบบทหารระดับสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้มารับภาพดังกล่าวแทน พร้อมเชิญตัวออกจากห้องไป  
    ขณะความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตรนั้น ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์เรื่องใดๆ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยใช้ ทส.ถึง 6 คน ในการสกัดกั้นไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้ พล.อ.ประวิตร และหลังประชุม พล.อ.ประวิตรก็ยังไม่ให้สัมภาษณ์ โดยมีทีมรักษาความปลอดภัยดูแลอย่างเข้มงวดเหมือนช่วงก่อนประชุม
          นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรว่า การตรวจสอบเรื่องการมีอยู่จริงของทรัพย์สิน หรือความเป็นเจ้าของนาฬิกานั้น เป็นการเบี่ยงประเด็น เพราะมาตรา 103 ของ ป.ป.ช.บัญญัติการกระทำที่ต้องห้ามคือ ห้ามมิให้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น ยกเว้นมีกฎหมายอนุญาตให้รับได้ หรือธรรมจรรยา
     “ผมคิดว่าเข้าข่ายรับประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามมาตรา 103 แม้จะปฏิเสธการเป็นเจ้าของทรัพย์ ก็อยู่ในความหมายของคำว่ารับประโยชน์อื่นใดนั่นเอง" นายภูมิธรรมกล่าว
    นายวรวิทย์ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า การจะตีความกรณีการรับประโยชน์อื่นใดนั้น ต้องตีราคาเป็นตัวเงินได้ เช่น กรณีข่าวเจ้าหน้าที่ไปใช้บริการสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท ซึ่งได้รับส่วนลดกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่าไปตามนั้น ซึ่งสามารถตีเป็นเงินได้ อาจเข้าข่ายความผิด แต่กรณีนาฬิกาหรูนั้น ไม่สามารถให้ความเห็นได้ว่าจะเข้าข่ายหรือไม่ ต้องให้เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นผู้พิจารณาวิเคราะห์ ยืนยันว่า ป.ป.ช.พิจารณาทุกประเด็น ซึ่งการเอาผิดตามมาตรา 103 ที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยทำมาแล้ว แต่จำไม่ได้ จึงไม่สามารถบอกว่ามีกรณีใดบ้าง
    ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร ว่า กปปส.ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และคิดว่ารัฐบาลขณะนี้ก็ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น กปปส.ก็ไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบรัฐบาล หน้าที่ของเราคือต้องบอกประชาชนว่าอะไรที่ คสช.ปฏิรูปแล้วก็ขอขอบคุณ ส่วนที่ยังทำไม่ได้ก็ต้องทำต่อ
    วันเดียวกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แถลงแผนการปฏิรูปฯ ว่า แผนดังกล่าวประกอบด้วย แผนป้องกัน เฝ้าระวัง และปราบปรามการทุจริต โดยต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำ พร้อมให้ประชาชนและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ การดำเนินการต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งผลักดันการบังคับใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 69/2557 ที่ระบุให้หัวหน้าหน่วยงานต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้กระทำการทุจริต หากมีการทุจริตในหน่วยงานใด หัวหน้าหน่วยงานนั้นต้องรับผิดชอบ ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปฯ จะผลักดันให้เป็นกฎหมายต่อไป พร้อมเร่งรัดการดำเนินคดีทุจริตทั้งความผิดทางวินัยและความผิดทางอาญาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้  ยังเร่งรัดการออกกฎหมายให้สอดคล้องกับปฏิญญาสากลที่เราได้ร่วมลงนามไว้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"