ระดมช่างศิลป์ครึ่งแสนสร้างเมรุชั่วคราว "หลวงพ่อคูณ" คณะทำงานมั่นใจ 8 เดือนแล้วเสร็จ มีความสูง 22 เมตร สมถะ เรียบง่าย สมเกียรติตามพินัยกรรม ขณะที่คุณยายวัย 90 ปีผู้สืบเชื้อสายนางสีดา ตอบรับร่วมขบวนส่งหลวงพ่อสู่สวรรค์
    เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มข. ได้นำภาพแบบจำลองรูปแบบการก่อสร้างเมรุชั่วคราวสำหรับการใช้ในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ มาเปิดเผยถึงความพร้อมในการก่อสร้างตามรูปแบบดังกล่าว หลังได้มีการอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว
    รศ.ดร.นิยมกล่าวว่า รูปแบบการก่อสร้างเมรุชั่วคราวของหลวงพ่อคูณ ได้รับการพิจารณาร่วมกันของที่ประชุมทุกฝ่ายตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมของหลวงพ่อ โดยเป็นไปตามรูปแบบคือ สมถะ เรียบง่ายและสมเกียรติ ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะศิลปกรรมศาสตร์ มข.รับผิดชอบในการออกแบบและจัดสร้างเมรุชั่วคราว ที่กำหนดจัดสร้างในสระน้ำด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น โดยเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์แห่งที่ 2
    รศ.ดร.นิยมกล่าวว่า ความรับผิดชอบของคณะฯ เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การก่อสร้างเนินดิน 3 ชั้น โดยมีรูปปั้นพญานาคบริเวณบันไดทั้ง 8 ทิศ รวม 16 ตัว ขณะที่ในชั้นที่ 3 ได้กำหนดให้มีการจำลองเป็นเขาพระสุเมรุ มีการจำลองสระอโนดาต มีสัตว์ในตำนาน 30 ตัวรายล้อมนกหัสดีลิงค์บนเนินบุษบก ที่มีความสูง 22 เมตรหรือประมาณ ตึก 6 ชั้น การก่อสร้างทั้งหมดเป็นสีขาวที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ เรียบง่าย และใช้กระดาษในการก่อสร้างทุกขั้นตอน ยกเว้นสัตว์ต่างๆ ที่ใช้ปูนปั้นทั้งหมดเพื่อสื่อถึงความเรียบง่าย ความสมถะ และความบริสุทธิ์ ตามกิจวัตรของหลวงพ่อคูณ
    “ในวันที่ 30 มกราคมนี้จะมีการนำรูปแบบเมรุชั่วคราวและลำดับขั้นตอนในการทำงานต่างๆ ของหลวงพ่อ นำเสนอต่อที่ประชุมร่วมทั้ง 2 จังหวัดคือ ขอนแก่นและนครราชสีมา เพื่อให้รับทราบและให้การดำเนินงานนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะเรามีเวลาทำงานไม่ถึง 8 เดือน ซึ่งขณะนี้การปรับพื้นที่และการเตรียมงานบางส่วนนั้นได้ดำเนินการไปแล้ว ขณะที่งบประมาณในการจัดสร้างเมรุชั่วคราวของหลวงพ่อคูณ เบื้องต้นประมาณการไว้ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งได้มีเจ้าภาพแสดงความจำนงในการขอบริจาคและร่วมเป็นเจ้าภาพในส่วนต่างๆ แล้ว”
    รศ.ดร.นิยมกล่าวต่อว่า การสร้างเมรุชั่วคราวดังกล่าวนี้คาดว่าจะใช้ช่างศิลป์ฝีมือดีชั้นนำของไทย กลุ่มจิตอาสาและผู้ที่ให้การเคารพเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อคูณ มาร่วมในการก่อสร้างทุกขั้นตอนที่คณะฯ ต้องใช้มากกว่า 50,000 คน โดยจะมีการประกาศเชิญชวนให้ผู้ใจบุญได้มาร่วมกันจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ อีกครั้ง เพราะเมรุชั่วคราวจะทำให้เรียบง่าย เหมาะสม ตามสมณศักดิ์ของพระผู้ใหญ่ที่คนทั่วโลกให้การเคารพและเลื่อมใสศรัทธา จะใช้กระดาษในการก่อสร้างทั้งหมด ที่สำคัญตามตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนกหัสดีลิงค์นั้น การฆ่าได้จะต้องมีผู้ที่สืบเชื้อสายนางสีดาเป็นผู้ฆ่า ซึ่งวิธีฆ่านกหัสดีลิงค์นั้นมีทั้งรูปแบบของการยิงธนูให้ตายและเผาทิ้ง หรือการฆ่าและตัดหัวนกมาเก็บเป็นที่ระลึก ซึ่งนักวิชาการของ มข.ได้สืบค้นเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลยืนยันว่า ผู้ที่สืบเชื้อสายนางสีดาในตำนานที่เป็นคนไทยนั้นมีอยู่จริง ปัจจุบันอายุ 90 ปี อาศัยอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งขณะนี้ มข.ได้ติดต่อคุณยายแล้ว ซึ่งตอบรับร่วมขบวนนางสีดาและร่วมฆ่านกหัสดีลิงค์ตามตำนาน และเผานกไปพร้อมกับหลวงพ่อคูณ เพื่อส่งท่านสู่สรวงสวรรค์ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนวันพระราชทานเพลิงต้องรอสรุปจากคณะกรรมการที่รับผิดชอบอีกครั้ง
    “ทุกคนล้วนทำด้วยใจ ไม่คิดค่าจ้าง เพราะต้องการทำเพื่อหลวงพ่อคูณ และส่งท่านสู่สวรรค์ ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนการนำเสนอต่อที่ประชุมร่วม 2 จังหวัดครั้งสุดท้าย การมอบหมายงานก็จะเริ่มขึ้นในส่วนของเมรุชั่วคราว ส่วนข้อกังวลที่หลายคนกังวลว่าเมื่อเผานกไปพร้อมกับหลวงพ่อคูณแล้ว อัฐิท่านจะไปไหน ประเด็นนี้คณะศิลปกรรมศาสตร์ได้ประสานงานร่วมคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในการจัดทำหีบใส่ร่างของท่านแบบพิเศษ เมื่อเผาร่างท่านไปแล้ว อัฐิและสิ่งต่างๆ จะไหลลงกล่อง เพื่อให้คณะแพทยศาสตร์นำไปลอยอังคารลงสู่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ในรุ่งเช้าทันทีตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม”
    รศ.ดร.นิยมกล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างของหลวงพ่อคูณหลังเสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญกุศลร่วมกับครูใหญ่กว่า 400 ร่างแล้ว จะถูกนำมาจากศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มข. มายังเมรุชั่วคราวภายในพุทธมณฑลอีสานแห่งนี้ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการพระราชทานเพลิงศพ โดยคณะทำงานได้มีความเห็นตรงกันว่า เมรุชั่วคราวของหลวงพ่อคูณใช้สีขาวทั้งหมด ผู้ที่มาร่วมแสดงความอาลัยและส่งหลวงพ่อคูณสู่สรวงสวรรค์ ควรนุ่งขาวห่มขาว ใช้ดอกไม้สีขาวในการประกอบพิธีครั้งสำคัญนี้.