แฟ้มภาพ
7 ก.ย.61 - ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 31 ปี นายสรรเสริญ หรือเน็ต รสานนท์ อายุ 26 ปี และ น.ส.อังสุพร หรืออุ้ม อินา อายุ 29 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ป.อาญา มาตรา 83, 91
กรณีเมือช่วงเดือน พ.ย. 2559 -2 ก.พ.2560 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำจัดหา ลำเลียงยาบ้า 140,000 เม็ด ไอซ์ 19 กก.เศษส่งให้ลูกค้าและเครือข่าย รวมทั้งจัดการด้านการเงินซื้อ-ขายยาเสพติดโดยจำเลย 1-3 เปิดบัญชีธนาคารฝาก -ถอน โอนเงิน กับนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ที่ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว นอกจากนี้ช่วงวันที่ 29 ธ.ค. 2557- 22 พ.ย. 2559 นายณัฐพลได้โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 ประมาณ 50 ครั้ง จำนวน 10 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้จำเลยที่ 1 ได้นำเงินไปซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ราคาแพงด้วย ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธโดยตลอด ส่วนจำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นสามีภรรยากันให้การรับสารภาพ
วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสามซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวจากเรือนจำมาศาล
โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาให้จำคุก 8 ปี นายอัครกิตต์ จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติดของเครือข่ายบอย นาคคำ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จากกรณีที่มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องบอย นาคคำ กว่า 30 ครั้ง และที่อ้างว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อยนต์ลัมโบกินีราคาหลายล้าน ก็ยังไม่ชัดว่าเป็นการซื้อโดย ครอบครองและใช้เองทั้งหมดจริงหรือไม่ เพราะทางนำสืบยังฟังได้ว่าบอย นาคคำ ก็เคยนำรถไปใช้และวันที่ซื้อรถก็ไปที่เต้นท์รถ แต่ให้คนอื่นนำเงินไปชำระ ขณะที่ศาลได้ยกฟ้องในข้อหาสนับสนุนทำผิดยาเสพติด
และให้จำคุกคนละ 24 ปี กับปรับคนละ 400,000 บาท นายสรรเสริญและ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 สามีภรรยา ในความผิดฐานสมคบฟอกเงินและสนับสนุนบอย นาคคำ ในการรับเงินยาเสพติดมาพักไว้จัดการทางบัญชีให้ คราวละ 15 ล้านบาท หรือ 8 ล้านบาท อันเป็นการทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
ต่อมาเวลาประมาณ 16.25 น. ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ประกันตัวไป โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดให้ติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ (กำไล EM) กับจำเลยด้วย และห้ามมิให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ขณะที่มารดาของนายอัครกิตติ์ เปิดเผยหลังทราบคำสั่งศาลว่าดีใจมาก รอมานานกว่า 1 ปี และสู้คดีมาโดยตลอด พร้อมยกมือท่วมหัว ส่วนญาติที่มาให้กำลังใจก็แสดงความดีใจเช่นกัน
โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดกำไล EM ที่ข้อเท้าให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาล และเมื่อศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวแล้ว ศาลก็ได้ออกหมายปล่อยจำเลยพร้อมส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติตามขั้นตอนปล่อยตัว โดยต้องปล่อยตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ย่านคลองเปรม ภายในวันนี้ (7 ก.ย.) เวลาประมาณ 20.00 น. ส่วนนายสรรเสริญกับ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 นั้น ไม่ได้มีการยื่นประกันตัวเข้ามา จึงถูกคุมขังต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |