ออกหมายจับ'อดีตผกก.' หนีฎีกาฆ่าตัดตอนโจ๋17


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลออกหมายจับอดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จำเลยที่ 5 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาฎีกา คดีฆ่าแขวนคอหนุ่มวัย 17 เหยื่อฆ่าตัดตอน เลื่อนอ่านฎีกาไป 11 ต.ค.นี้ ด้านญาติเหยื่อกังวลความปลอดภัยเผยเคยถูกคุกคามถึงบ้าน จำเลยอีก 3 ยังรับราชการ อึ้ง! อุทธรณ์สั่งจำคุกตลอดชีวิตยังได้เลื่อนตำแหน่ง 
    เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 6 กันยายน ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าแขวนคอ หมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายกิตติศัพท์ ถิตย์บุญครอง บิดาผู้เสียชีวิต เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 54 ปี, ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 49 ปี, ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 48 ปี, พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 57 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์, พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 68 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 51 ปี อดีต รอง ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ (ทั้งหมดเป็นยศและตำแหน่งขณะนั้น) เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
    กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 22-23 ก.ค.2547 จำเลยที่ 1-3 และจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปีเศษ ผู้ต้องหาคดีลักรถจักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนเสียชีวิต จากนั้นจึงร่วมกันปิดบังเหตุการณ์ตายโดยย้ายศพผู้ตายจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนาบ้านบึงโดน ม.5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด โดยจำเลยที่ 4-6 ได้ร่วมกันข่มขู่พยานเพื่อให้การอันเป็นเท็จ จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2555 ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และย้ายศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ส่วนจำเลยที่ 6 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ขณะที่จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 7 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบฯ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
    ต่อมาอัยการโจทก์, โจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 นั้น เห็นพ้องด้วย ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 แต่คำให้การของจำเลยที่ 2 มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 50 ปี และพิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ ลงโทษประหารชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5-6 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบฯ แต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 7 ปีนั้น เห็นว่าหนักเกินไป จึงพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 5-6 ไว้คนละ 5 ปี
    จากนั้นอัยการโจทก์, โจทก์ร่วม และจำเลยต่างยื่นฎีกา
    วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ 1-3 มาจากเรือนจำบางขวาง ส่วนจำเลยที่ 4 และ 6 ซึ่งได้รับการประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท เดินทางมาศาล แต่ พ.ต.อ.มนตรี จำเลยที่ 5 ที่ได้รับการประกันตัวเช่นกัน และนายประกันไม่มาศาล นอกจากนี้ยังมีญาติและคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิตและของจำเลยเดินทางมาศาล รวมถึงนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ก็เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย
    เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ ได้สอบถามทนายความจำเลยที่ 5 แล้ว ทนายความแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อกับจำเลยที่ 5 ได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 5 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาล ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับ ปรับนายประกันเต็มตามจำนวน 1 ล้านบาท และเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นวันที่ 11 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
    ภายหลัง นางพิกุล พรหมจันทร์ อาของนายเกียรติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้รอฟังผลคำพิพากษาวันที่ 11 ต.ค. ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร กังวลว่าครั้งหน้าจำเลยจะมาครบหรือไม่ และหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยของตน เพราะจำเลยชั้นสัญญาบัตรได้รับการประกันตัว 3 คน ยังมีอำนาจหน้าที่ราชการตำรวจตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิมคือ พ.ต.ท.สำเภา อินดี จากเดิมก่อนพิพากษาอุทธรณ์เป็นรองผู้กำกับอำเภอรอบนอกของ จ.กาฬสินธุ์ หลังศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาไม่กี่เดือน ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้กำกับสืบสวนสอบสวน ภาค 4
    ส่วนเรื่องการขอคุ้มครองพยานนั้น นางพิกุลกล่าวว่า ตนยื่นเรื่องคุ้มครองพยานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ไม่ได้รับการคุ้มครองตั้งแต่มีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาจนถึงวันนี้ ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆ ถึงมีกองทุนยุติธรรมช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แม้แต่บาทเดียวกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก็ไม่เคยช่วยเหลือ ตนจึงไปยื่นฟ้องอธิบดีและรองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ฐานงดเว้นและเลือกปฏิบัติต่อศาลปกครอง อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษา
    นางพิกุลเปิดเผยว่า ตนเคยถูกคุกคาม มีกลุ่มคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรวม 3 นาย ขับรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ติดฟิล์มทึบทั้งคันบุกไปที่บ้าน บอกว่าจะนำตนไปพบผู้กำกับ มีภาพวงจรปิด ตนขอดูคำสั่งว่าจากไหนที่มาตรวจเยี่ยม เขาบอกว่าถ้าอยากดูต้องไปพบผู้กำกับเอง พอตนบอกจะไปเอง เขาก็บอกว่าผู้กำกับไม่ว่าง ต้องไปพร้อมกับพวกเขา ตนก็เรียก รปภ.มาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งสุดท้ายตนก็ไม่ไป วันนี้ก็ยังกังวล ตามที่เห็นแล้วว่าจำเลยที่ 4 มีอำนาจสืบสวนสอบสวนของภาค 4 ที่มาศาลวันนี้ก็มีลูกน้องทีมสืบของภาค 4 มาจำนวนมาก 5-6 คนขึ้นไป ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา แต่มาอยู่หน้าห้องมองหน้าโจทก์ ตนจึงรอเวลาให้จำเลยกลับแล้วถึงลงมา
    นางพิกุลกล่าวช่วงท้ายว่า ยังมีพยานปากสำคัญฝ่ายตนเสียชีวิตปริศนาที่โรงพยาบาล อายุ 22 ปี ขาดอากาศหายใจที่เตียง ทั้งที่แค่เป็นหวัด ไอ หอบ เสียชีวิตก่อนได้ขึ้นเบิกความต่อศาล แม่มาเบิกความแทนลูกแล้วชี้หน้าจำเลยถามว่าใครที่ซ้อมลูก หลังคำพิพากษาแล้ว พยานปากสำคัญหลายคนก็หายตัวไป แล้วก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล บางคนจนทุกวันนี้ยังไม่กล้ากลับ จ.กาฬสินธุ์เลย เพราะรู้ว่าตำรวจกลุ่มนี้ยังรับราชการอยู่
    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงที่มาของคดีนี้ว่า ในช่วงปี 2544-2549 รัฐบาลมีนโยบายประกาศทำสงครามยาเสพติด เกิดคดีฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพ และในช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก โดยหนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวคือ นายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ซึ่ง กสม.ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อปี 2549 โดยมีข้อเสนอให้รัฐบาลเยียวยาความเสียหายจากการเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อันเนื่องมาจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้แก่ครอบครัวของนายเกียรติศักดิ์ 
    ทั้งนี้ สภาทนายความได้แต่งตั้งคณะทำงานในการให้ความช่วยเหลือกรณีกลุ่มประชาชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่เสียชีวิตและถูกอุ้มหายช่วงระหว่างปี 2546-2548 เพื่อทำหน้าที่ในการเป็นทนายความให้แก่โจทก์ร่วมในคดีนี้ และทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงานดังกล่าวด้วย ในปี 2548 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีมติให้กรณีการเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์เป็นคดีพิเศษ และเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2552 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหก นับเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 14 ปี ในการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลจนกระทั่งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"