ประเทศญี่ปุ่น ยุ่นปี่นี่...ต้องเรียกว่า ช่างโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น อะไรไปได้ถึงขั้นนั้น แค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน เจอกับ คลื่นความร้อน ชนิดผู้คนร่วงผล็อยๆ ไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้รับการคลายร้อนด้วย พายุ ลูกใหญ่ ซัดผู้คนเตลิดเปิดเปิงไปซะอีก มาเมื่อไม่กี่วันนี้ เจอกับ พายุเชบี ชนิดหอบรถ หอบหลังคา หอบบ้านเป็นหลังๆ ไปกองสุมระเกะระกะ ขณะยังไม่หายมึน ไม่หายโศก หายเศร้า ก็ดันเจอกับ แผ่นดินไหว ตามมาติดๆ อีกระลอก...
-----------------------------------------------------
เมื่อเทียบกับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาแล้ว...แทบเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน เอาเลยก็ว่าได้ ของเรานั้น...แม้จะโดน แหม่ม อะไรก็ไม่รู้ ไปใส่สี ตีไข่ เรื่องเกาะต่ง เกาะเต่า แต่ก็ยังถูกจัดอันดับให้เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เดินทาง ชนิดสามารถหยิบมาประชาสัมพันธ์กันได้ไม่รู้จบ ยังสามารถจัดงาน มหกรรมแกงมัสมั่น สนุกสนาน เฮฮา กันได้ไปตามเรื่อง แม้ว่าช่วงหลังๆ หรือช่วงระหว่างนี้ จะมีเรื่องน้ำท่ง น้ำท่วม สอดแทรกเข้ามามั่ง แต่ก็ยังอยู่ในระดับไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส จนเกินไป ยังพออาศัยกลไกราชการ และ ท.ทหารผู้ถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก ช่วยบรรเทาเบาบางความทุกข์ ความเดือดร้อน กันไปตามสภาพ...
------------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...การที่ยังต้องมั่วๆ อยู่กับการคลายล็อก-ไม่คลายล็อก ปลดล็อก-ไม่ปลดล็อก เปิดโอกาสให้ประชุมพรรคการเมืองได้ แต่ยังต้องห้ามนักการเมืองไม่ให้ขึ้นเวที ขึ้นรถหาเสียง หรือไม่ให้ออกไปพบปะชุมนุมเกิน 5 คนกับราษฎร ฯลฯ มันก็เลยทำให้สีสัน บรรยากาศ ออกไปทางพิลึกๆ หรือไม่ค่อย เป็นธรรมชาติ ซักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ความทุกข์ ความเดือดร้อน ของราษฎร กับความเคลื่อนไหวของนักการเมืองนั้น ต้องถือเป็นของคู่กัน หรือเป็นสิ่งซึ่งมิอาจแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด แต่ก็ไม่รู้ว่า...ด้วยเหตุผลกลใด ถึงบรรดาผู้รับผิดชอบ ท่านจึงยังต้องกั๊กไป-กั๊กมาในแนวนี้ จะเป็นเพราะกลัว ขอนแก่นโมเดล ที่มันน่าจะแห้งหายไปนานแล้วเป็นปีๆ หรือจะเป็นเพราะ โมเดล อื่นๆ อีกหรือไม่ ก็มิอาจสรุปได้ แต่ก็นั่นแหละ...มันก็เลยทำให้อะไรต่อมิอะไรออกไปทาง ตลก 69 อยู่พอสมควรเหมือนกัน...
---------------------------------------------------
คือออกไปทาง เยี่ยวได้ แต่ ห้ามขี้ อะไรประมาณนั้น...ทั้งๆ ที่โดยธรรมชาติของ ระบบขับถ่าย แล้ว มันคงไม่อาจกลั้นแต่เฉพาะทางใด ทางหนึ่ง ได้ง่ายๆ เพราะถ้าหากทางหนึ่งไหล อีกทางหนึ่งมันก็อาจไหลไปตามธรรมชาติของมัน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ความพยายามฝืนธรรมชาติ กั๊กไป-กั๊กมา มันเลยออกจะดูตลก แบบไม่ถึงกับน่าหัวเราะซักเท่าไหร่ หรือออกไปทาง ตลกแห้ง อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ไม่น่าจะก่อให้เกิดความรื่นเริง บันเทิงใจใดๆ ไม่ว่ากับทั้งผู้ปกครอง หรือผู้อยู่ใต้ปกครอง ก็ตาม แถมยังสามารถหยิบเอาไปใช้เป็นเงื่อนไข ในการเยาะเย้ย ไยไพ สร้างแรงเสียดสี เสียดทาน ให้กับบรรดาผู้รับผิดชอบทั้งหลายซะอีกต่างหาก...
--------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากบรรยากาศแห่งการกลับไปสู่การเลือกตั้ง มันถูกทำให้ เสียบรรยากาศ ตั้งแต่แรก เกิดข้อครหา นินทา ถึงความ ไม่ถูกต้อง-ไม่ยุติธรรม เกิดความ ไม่ได้มาตรฐาน หรือ สองมาตรฐาน โดยชัดเจน อันนี้...ย่อมมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าทั้งผู้ปกครองและผู้ใต้ปกครอง แทบไม่ได้อะไรเลยไปด้วยกันทั้งสิ้น แม้จะได้ชัยชนะในแง่คะแนนเสียง แต่ก็อาจต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการเมืองไปอย่างน่าเสียดาย และการพ่ายแพ้ทางการเมืองนั้น ย่อมต้องถือเป็นการพ่ายแพ้ในทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแม้จะได้มาซึ่ง อำนาจ แต่ถ้าหากอำนาจนั้นๆ มันเกิดความ ไม่สง่างาม ขึ้นมาแต่แรก โอกาสที่จะต้องแพ้ในบั้นปลาย ย่อมมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น...
--------------------------------------------------
เผลอๆ...อาจจะเสียหายยิ่งกว่าครั้งที่เข้าสู่อำนาจด้วยการ รัฐประหาร หรือการตั้งตัวเป็น รัฏฐาธิปัตย์ ซะด้วยซ้ำ เพราะครั้งนั้น ด้วยเงื่อนไขและเหตุปัจจัย มันเป็นตัวช่วยรองรับ ความจำเป็น ที่จะต้องหันไปอาศัยกรรมวิธีชนิดนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ความเป็นลูกผู้ชาย ความเป็นชายชาติทหาร จึงยังคงเป็นอะไรที่ สง่างาม อยู่ตามสมควร แต่สำหรับครั้งนี้...ถ้ายังคิดจะหันไปใช้กรรมวิธีกั๊กไป-กั๊กมา ใช้วิธี เยี่ยวได้ แต่ ห้ามขี้ อะไรประมาณนั้น โดยลักษณะอาการมันเลยออกไปทาง ไม่แควร์ ซักเท่าไหร่ หรือทำให้เกิดข้อครหา นินทา ในเรื่องความ ไม่ถูกต้อง-ไม่ยุติธรรม ตามมา จน ชัยชนะ อาจต้องแปรสภาพไปเป็น ความพ่ายแพ้ เมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
-------------------------------------------------
และเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ผู้ที่ถือเป็น ฝ่ายตรงข้าม เขาคงไม่ได้แค่คิดเอาแพ้ เอาชนะ แต่ในเฉพาะ สนามเลือกตั้ง เท่านั้น หลังจากเลือกตั้งไปแล้ว หรือหลังจาก เข้าสู่อำนาจ ได้แล้วนั่นแหละ ที่ถือเป็น จังหวะ สำคัญที่สุด ในการหยิบเอาเงื่อนไขเรื่องความ ไม่ถูกต้อง-ไม่ยุติธรรม มาพลิกความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะ หรือพลิกชัยชนะให้กลายเป็นความพ่ายแพ้ได้ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แต่การเดินไปตาม ครรลอง-คลองธรรม นั่นเอง ถึงจะ เข้าท่า ที่สุด ยิ่ง ธรรมชาติ ในช่วงนี้ท่านกำลังแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของท่านว่ามีฤทธิ์ มีเดช ถึงขั้นไหน ก็น่าจะหยิบเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องเตือนสติ เป็นอุทาหรณ์สอนใจเอาไว้มั่ง...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Karl Marx... Success, arrogance and injustice, then downfall.- ความสำเร็จ ความหยิ่งยโส และความอยุติธรรม จะเกิดก่อน และแล้ว...ความหายนะจะตามมา...
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |