“กสิกร” โบ้ยผู้ปฏิบัติงานใช้คำสั่งผิดรูปแบบ-ลูกค้ากรอกเลขบัญชีพลาดอื้อ ทำระบบล่มกระทบธุรกรรมการเงินช่วงสิ้นเดือนป่วน แจงการันตีไม่ได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก แต่จะระมัดระวังให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

6 ก.ย.61-นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ในฐานะประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศ  สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่สามารถใช้บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกซ์ได้ ในวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย.2561 นั้น โดยในวันที่ 31 ส.ค. นั้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นปัญหาจากระบบของธนาคารกสิกรไทย ที่ไม่รองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากได้ แต่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงาน (Human Error) ของธนาคารที่ใช้คำสั่งผิดรูปแบบทำให้อุปกรณ์เครือข่ายหลัก (Core switch) ของธนาคารไม่สามารถทำงานได้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น

            ส่วนกรณีวันที่ 1 ก.ย. 2561 ระบบของธนาคารกสิกรไทยไม่ได้ขัดข้อง ยังใช้งานได้ปกติ แต่มีรายการโอนเงินต่างธนาคารที่ลูกค้าใส่เลขบัญชีผิดพลาดกว่า 4 หมื่นรายการ จากปกติพบปัญหาดังกล่าวเฉลี่ยวันละ 3 หมื่นกว่ารายการ ทำให้บริษัทกลางที่ดูแลการเชื่อมต่อระบบระหว่างธนาคาร (ITMX) เห็นผิดสังเกต จึงตัดธนาคารออกจากระบบกลาง

            “ธนาคารรู้สึกเสียใจและขอยอมรับข้อผิดพลาดว่าปัญหาเริ่มต้นที่ธนาคารกสิกรไทย โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากปัญหาระบบที่มีปริมาณรองรับไม่เพียงพอ ส่วนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ปัญหาเกิดจากธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งมีปริมาณธุรกรรมมากจนกระทบให้ทั้งระบบล่มก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ให้ข้อมูลเพราะทางกสิกรไทยไม่เคยชี้แจงเรื่องนี้กับ ธปท. ส่วนความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ หากลูกค้ารอได้ก็ไม่ได้มีความเสียหายอะไร” นายสมคิด กล่าว

            นายสมคิด กล่าวอีกว่า ธนาคารไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก แต่จะปรับปรุงระเบียบวิธีการให้รัดกุมยิ่งขึ้น และระมัดระวังที่สุด ดูแลให้ระบบเกิดปัญหาน้อยที่สุด โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ดังนั้นก็มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ในลักษณ์นี้ได้อีกอยู่แล้ว เราไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นศูนย์ ดังนั้นทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องคุยกันเพื่อหาทางป้องกันระบบโดยรวม ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. เห็นภาพที่ดีขึ้น และคงไม่โทษธนาคารกสิกรไทยคนเดียว

            อย่างไรก็ดี จากการหารือในสมาคมธนาคาร กับ ITMX ได้กำหนดแนวทางป้องกันปัญหาไว้ 6 ด้าน คือ 1. เพิ่มความแข่งแรงให้ระบบให้รองรับปริมาณการใช้บริการได้อย่างน้อย 2 เท่าในช่วงพีค 2.ให้แต่ละธนาคารจัดการระบบภายในให้รัดกุมมากขึ้น 3.เพิ่มระดับความสามารถของ ITMX เป็น 2 เท่า 4.ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างธนาคารกับ ITMX กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการตัดธนาคารที่มีปัญหาออกจากระบบเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลาม 5.วางระบบกลางสำหรับแสดงสถานะของระบบแต่ละธนาคาร และ 6.ปรับปรุงระบบโมบายแบงก์กิ้งให้ชัดเจนขึ้น โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ ธปท. จะนำเอามาตรการดังกล่าวไปดูแลต่อไป