แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปัดข่าวปรับ ครม. โบ้ยมาจากสื่อทั้งนั้น “วิษณุ” เผยกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้กลางเดือน ธ.ค. ปลดล็อกให้หาเสียงเต็มที่มีเวลาเหลือเฟือประมาณ 70 วัน มากกว่าทุกครั้ง ชี้ช่อง "บิ๊กตู่" เล่นการเมืองอยู่ในบัญชีพรรคเสนอให้เป็นนายกฯ "เพื่อแม้ว" แพลมหลังคลายล็อกรู้ชื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่ แฉ จนท.มั่นคงจูงใจนายก อบจ.ที่ถูกแขวน หากดูดอดีต ส.ส.พท.มาอยู่พรรคที่หนุนรัฐบาล คสช.ได้จะปลดล็อกให้ ภท.ลั่นฟ้องเอาผิด "สุภรณ์" พร้อมพยานแน่ จับตา 15 ก.ย. พลังประชารัฐประชุมเลือกผู้บริหารพรรค  
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.45 น. วันที่ 5 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะทำงาน ได้กลับมาออกกำลังกายอีกครั้งหนึ่งในรอบ 4 เดือน โดยได้เปลี่ยนบรรยากาศการออกกำลังกาย เริ่มด้วยการเดินออกจากทำเนียบรัฐบาล บนทางเท้าเส้นทางถนนพิษณุโลก ไปยังบ้านพิษณุโลก จากนั้นนายกฯได้ปั่นจักรยานเสือภูเขาร่วมกับคณะภายในบ้านพิษณุโลกจำนวน 3 รอบ พร้อมเชิญชวนประชาชนออกกำลังกายช่วยรักษาสุขภาพป้องกันโรคภัยต่างๆ
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีๆ ใครไปปล่อยข่าวล่ะ ก็บอกแล้วว่าไม่มีๆ ก็มีแต่สื่อไปปล่อยข่าว” 
    ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า อยากได้คำยืนยันจากปากของนายกฯ ว่าจะไม่มีการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบเสียงดังว่า “ก็บอกอยู่นี่ว่าไม่มี ไม่ปรับ แล้วจะถามทำไมอีกเล่า ไอ้แหล่งข่าวในทำเนียบฯ ของเธอไปนั่งเทียนที่ไหนมา บอกมาสิใครเป็นคนให้”
     ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข่าวปรับ ครม.ว่า  ตนไม่ทราบ ไม่จริง และยังไม่เห็นนายกฯ พูดคุยอะไร มีแต่สื่อมวลชนคิด ยืนยันไม่มี คิดว่านายกฯ คงไม่ปรับนอกจากจะมีคนลาออก ส่วนนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ที่มีข่าวจะลาออกไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ตนไม่รู้ และไม่ทราบเรื่องที่พรรคดังกล่าวจะมีการประชุมพรรค ตนจะไปรู้เรื่องอะไรการเมือง เพราะไม่ใช่นักการเมือง ส่วนตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม เขาพยายามให้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่มีรัฐมนตรีช่วยอยู่ คงไม่ต้องอะไรมาก 
    เมื่อถามว่า หากมีการลาออก คนที่จะเข้ามารับตำแหน่งใหม่จะต้องเป็นคนที่ช่วยงานรัฐบาลในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของนายกฯ และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เมื่อถามย้ำว่าจะมีการเกลี่ยคนในส่วนของทหารที่เป็นโควตาของ พล.อ.ประวิตร เพื่อให้คนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามา พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “ที่อยู่กัน ใครไม่เชี่ยวชาญหรือ”
    ถามว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปยังจะอยู่ช่วยงานนายกฯ ต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า แล้วนายกฯเขาได้หรือยัง ในอนาคตก็แล้วแต่นายกฯ ว่าเขาจะเอาหรือไม่ เขายังไม่พูด ตนจะไปบอกได้อย่างไร คงต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจน ทุกอย่างแล้วแต่นายกฯ เมื่อถามว่ายังสู้ไหวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบทีเล่นทีจริงว่า “ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 74 แล้ว และงานของผมถือว่าจบแล้ว เพราะผลงานความมั่นคงสื่อมวลชนมองว่าทำได้ดีหรือไม่ ส่วนอนาคตจะไปต่อหรือไม่นั้น ก็ยังไม่รู้”
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับ ครม.ในช่วงนี้ว่า เรื่องดังกล่าวไม่มี ข่าวปรับ ครม.ต่างๆ ที่ออกมาในขณะนี้ ก็น่าจะมาจากสื่อมวลชน
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้จะมีโควตาในส่วนของนายสมคิด ที่จะนำพรรคการเมืองที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐเข้ามารับตำแหน่งจริงหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่รู้จริงๆ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ มีแต่ข่าวจากสื่อทั้งนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีอะไรทั้งสิ้น”
ปลดล็อกเดือน ธ.ค.
    นายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า ตั้งแต่มีการปรับ ครม.มา ก็ไม่เคยมีใครมาบอกตนเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงแว่วจากผู้สื่อข่าวเท่านั้น ล่าสุดสอบถามนายสนธิรัตน์ถึงกระแสข่าวที่จะลาออก และข่าวที่หารือกับนายอุตตมและนายสมคิดที่ห้องทำงานในทำเนียบฯ ซึ่งนายสนธิรันต์ก็ได้หัวเราะและบอกว่าเจอกับนายอุตตมโดยบังเอิญที่ห้องทำงานนายสมคิด แต่ตอนนั้นนายสมคิดไม่ได้อยู่ในห้อง เพราะติดภารกิจอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ตนจึงกระเซ้าไปว่าเดี๋ยวก็มีข่าวออกว่ามีการไลน์คุยกัน
    รองนายกฯ กล่าวถึงการประชุมร่วมกับพรรคการเมืองว่า ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. โปรดเกล้าฯลงมาก่อน ถึงจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมือง ไม่ต้องรอคำสั่งมาตรา 44 เพื่อคลายล็อกพรรคการเมือง แต่จะดีมากถ้ากฎหมายประกาศใช้แล้วมีคำสั่งคลายล็อก จากนั้นจึงมีการประชุมกับพรรคการเมือง ส่วนการเตรียมจัดทำนโยบายพรรคและหาเสียงนั้นมีเหลือเฟือ เพราะเมื่อสิ้นสุด 90 วันที่รอร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ คือประมาณกลางเดือน ธ.ค. กว่าจะไปถึงวันที่ 24 ก.พ. จะมีเวลาประมาณ 70 วัน 
    "ถือว่าเหลือเฟืออาจมากกว่าทุกครั้ง เพราะมีเวลาหาเสียงกันเต็มๆ กว่า 60 วัน ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อยุบสภาจะให้เลือกตั้งภายใน 45 หรือ 60 วัน แต่มีเวลาหาเสียงจริงๆ ไม่ถึง 40 วัน"  
    ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายยังเปิดช่องให้ พล.อ.ประยุทธ์เล่นการเมืองได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้แน่ๆหากจะเล่นการเมืองต้องไปช่องทางอื่นที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องเอาไว้ เช่น อยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกฯ และผ่านการโหวตของสภา กระทั่งถึงทางตัน ก็จะมีช่องทางของนายกฯ คนนอก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.สามารถเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคก็ได้ 
    ส่วนที่เคยบอกว่าจะห้ามการใช้โซเชียลมีเดียของนักการเมืองนั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าห้าม แต่บอกว่าจะมีการออกคำสั่งให้พรรคการเมืองสามารถติดต่อกับสมาชิกทางโซเชียลมีเดียได้ แต่จะติดต่อกับประชาชนในเชิงการหาเสียงไม่ได้ เพราะช่วงเวลา 90 วันหลังกฎหมายลูกประกาศใช้ ยังหาเสียงไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่ คสช.ปลดล็อกให้ คาดว่าอย่างช้าภายในเดือนธ.ค.จะสามารถหาเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดโปสเตอร์เสาไฟฟ้า ตั้งเวทีปราศรัย ยืมสนามหลวงขอเปิดเวที เคาะประตูบ้าน ทั้งหมดจะทำได้ในตอนนั้น เพราะฉะนั้นเวลานี้พรรคการเมืองสามารถโพสต์เฟซบุ๊กได้ แต่ต้องไม่ใช่เชิงการหาเสียง ตนไม่ขอตีความว่าการหาเสียงนั้นหมายถึงอะไร
    ทางด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของพรรคหลังการคลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ว่าทราบมาว่าหลังจากโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ. 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งลงมาแล้วจะมีการคลายล็อก พรรคคงต้องดูคำสั่งก่อนว่าจะคลายล็อกอย่างไรได้บ้าง ทั้งนี้ พรรคต้องเร่งดำเนินการใน 2 เรื่องคือ 1.การแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดรับกับกฎหมายพรรคการเมือง และ 2.การเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ของพรรค เพราะคณะกรรมการบริหารพรรคที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้เป็นเพียงคณะกรรมการรักษาการ ดังนั้นหากคลายล็อกแล้วเราจะสามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้ทันที
พท.ได้หัวหน้าหลังคลายล็อก
     สำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรคทุกคนสามารถที่จะเป็นหัวหน้าพรรคได้ ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่หัวหน้าพรรคจะต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วย ถ้าดูตามรัฐธรรมนูญใหม่คงจะไม่จำเป็น ส่วนจะต้องเป็นคนในตระกูลชินวัตรหรือไม่นั้น ทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรคมีสิทธิที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคได้ แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเขาด้วย
     นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรารอให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบันเริ่มกระบวนการคลายล็อกและปลดล็อก ซึ่งดีที่สุดคือการปลดล็อกทั้งหมดเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถทำงานและดำเนินการในเรื่องต่างๆ ได้ หากเป็นไปตามโรดแมปที่จะเกิดขึ้น ก็จะเหลือเวลาเพียง 6-7 เดือนเท่านั้นที่จะถึงจุดที่มีการเลือกตั้ง หากเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 สิ่งที่พรรคการเมืองต้องเร่งดำเนินการคือการหาสมาชิก นอกจากนี้ เราต้องทำนโยบายที่ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาตลอด 4 ปีที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญด้วย
     "สำหรับเรื่องหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือกรรมการบริหารของพรรคตำแหน่งต่างๆ ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเราพร้อมที่จะดำเนินการทันทีที่มีการคลายล็อก เมื่อคลายล็อกเมื่อไหร่ เราจะให้สมาชิกมีโอกาสตัดสินใจเลือกผู้นำพรรค ส่วนหัวหน้าพรรคต้องเป็นคนที่ก้าวหน้า สามารถก้าวตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ต้องเป็นคนที่ได้รับฉันทานุมัติร่วมกันจากพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคการเมืองของเราทั้งหมด สำหรับรายชื่อต่างๆ ที่ออกมา มองในแง่ดีว่าทุกคนพยายามที่จะเสนอตัวให้เรา และสะท้อนให้เห็นว่าเราก็มีบุคคลที่มีความพร้อมและมีความเหมาะสมจำนวนมาก มีหลายรุ่น หลายวัย หลายประสบการณ์ แต่จะได้เห็นชื่อและเห็นหน้าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่ทันทีที่มีการคลายล็อก" นายภูมิธรรมกล่าว 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่งคงในระดับสูงเดินสายดูดนักการเมือง โดยไปพบนายก อบจ.ที่ถูกมาตรา 44 สั่งระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจูงใจว่าหากนายก อบจ.ที่ถูกแขวน สามารถดูดอดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสาน เช่น ที่ จ.นครพนม มาอยู่กับพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.ได้ จะปลดล็อกให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ในการประกาศปลดล็อกครั้งหน้าหรือไม่ รวมถึงจะมอบหมายให้เป็นแกนหลักในการบริหารจัดการเลือกตั้งในจังหวัด พร้อมมอบให้ดูแลงบประมาณ สัญญาว่าจะแบ่งเขตเลือกตั้งให้ได้เปรียบที่สุด ปิดประตูแพ้ได้เลย รวมถึงเสนอเงินในการย้ายพรรคให้กับอดีต ส.ส.งวดแรก รายละ 10 ล้านบาทหรือไม่
    "อยากฝาก กกต.ให้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ให้มีการตกเขียวทางการเมือง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปทำสัญญาประชาคมสร้างความสามัคคีปรองดองกับประชาชน ถ้าท่านไปกระทำการแบ่งแยกประชาชน ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันเกิดขึ้น ทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีปัญหา เท่ากับว่าท่านเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า" นายอนุสรณ์กล่าว
      นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาปลื้มกับเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้น แม้ตัวเลขจะดีขึ้นจริง แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รู้สึกว่าดีตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเลย อยากขอทวงสัญญากับนายสมคิด ที่บอกคนจนจะหมดไปในปีนี้ แต่ปรากฏว่า 8 เดือนผ่านไป กลับมีคนจนเพิ่มขึ้น ไม่ได้หมดไปอย่างที่บอก คนรวยกลับรวยมากขึ้น ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลลดต่ำลง ข้อครหาทุจริตของรัฐบาลก็มีเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ จนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ต้องออกมาสวนนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ที่ออกมารับรองรัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตา และยังเตือน คสช. ว่าอย่าได้คิดสืบทอดอำนาจ เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยพฤษภาทมิฬปี 2535 อีก ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้นำข้อมูลทั้งหมดไปแก้ไขและพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจทางการเมือง
ภท.ย้ำฟ้อง"สุภรณ์"แน่
    นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์อยู่ระหว่างเตรียมการหลายเรื่องเพื่อรองรับการปลดล็อกทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น ล่าสุดมีกลุ่มคนปล่อยข่าวลือสร้างกระแสให้เกิดความสับสน จึงขอยืนยันว่าพรรคเป็นหนึ่งเดียว ยึดมั่นอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้มีแนวคิดเสนอเปิดข้อบังคับพรรคใหม่ให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคให้คนนอกและบุคคลทั่วไปสามารถเสนอตัวลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคสามารถโหวตหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคได้  เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญและการปฏิรูปการเมือง
    "ผมยืนยันว่าจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์แข่งขันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไปหลังการปลดล็อกทางการเมือง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวสามก๊กเกิดขึ้นในพรรคนั้น เป็นเพียงการวิจารณ์และคาดเดา ยืนยันว่าพรรคมีความเป็นเอกภาพ และไม่มีความแตกแยก ขอร้องว่าวิธีการปล่อยข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนักให้เกิดความสับสนแบบนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับประชาธิปัตย์ ผมขอยืนยันว่าเราเป็นหนึ่งเดียว" นายจุติกล่าว
    นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิด กรณีใส่ร้ายป้ายสีพรรคภูมิใจไทยซื้อเสียงล่วงหน้าว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าจะสามารถยื่นฟ้องได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้รับทราบเรื่องและให้เร่งดำเนินการฟ้องคดี เนื่องจากทำให้พรรคเสียหาย ใส่ร้ายป้ายสี และเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จ ซึ่งจะฟ้องนายสุภรณ์และผู้ที่อ้างว่าได้รับเงินที่มาเป็นพยานให้กับนายสุภรณ์ ซึ่งมีหลายสิบคน ต้องติดตามว่าในเมื่อเราไม่ได้จ่ายเงิน พยานทั้งหลายที่อ้างว่าได้รับเงินก็ถือว่าเป็นพยานเท็จ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก 
    "ดังนั้นคนที่อ้างว่าจะมาเป็นพยานให้นายสุภรณ์ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความผิดสำเร็จแล้ว ส่วนว่าจะโดนล่อลวงมาหรือไม่ ต้องพิจารณากันเป็นรายๆ ไป และเรื่องนี้ กกต.คงต้องดำเนินการในการเอาผิดบุคคลเหล่านี้ด้วย" นายศุภชัยกล่าว 
    มีความเคลื่อนไหวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตามนายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคพปชร. ได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตต่อ คสช.ผ่าน กกต. และทาง คสช.ได้อนุญาตแล้ว โดยได้ขออนุญาตในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 09.30-14.00 น. ที่ห้องฟินิกซ์ เมืองทองธานี โดยจะเป็นการประชุมผู้ร่วมก่อตั้งเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก่อนที่จะมายื่นขอจดทะเบียนพรรค ทั้งนี้ เป็นที่จับตามองเนื่องจากเป็นกลุ่มการเมืองที่มีกระแสข่าวว่าหากเป็นจดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์เตรียมจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค และยังจะมีรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายอุตตม สาวนายน รวมถึงกลุ่มของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และกลุ่มของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปร่วมด้วย
    วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร มารับหนังสือร้องเรียนจากชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.สุโขทัย ภายหลังการประชุมภาคียาสูบที่เดือดร้อนจากผลกระทบ พ.ร.บ.สรรพสามิต โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยลดโควตาการรับซื้อใบยาลงร้อยละ 50 และยังมีกองทุนบัตรทองที่เก็บเงินภาษีบุหรี่เพิ่ม โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ตั้งใจเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ และรู้สึกเห็นใจชาวไร่ยาสูบที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากรอบด้าน การมาพูดคุยกับชาวไร่และรับหนังสือร้องเรียนก็จะนำไปเสนอให้กับนายกฯ ต่อไป
22 ม.ค.62 ได้ตัว ส.ว.
     นายสิระ พิมพ์กลาง หัวหน้าพรรคเพื่อนไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมดันเขยตระกูลชินวัตรนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งลงเล่นการเมืองว่า นายทักษิณยังเป็นเจ้านายเก่าของตน ขอฝากให้คิด ทบทวนให้ดี ด้วยความห่วงใย อย่าไปยึดติดกับวังวนอำนาจ คนในพรรคหรือนอกพรรคยังมีผู้มีความรู้ความสามารถอีกเยอะ อย่าคิดจะดันลูกเขย หลาน หรือใครก็ตามในตระกูลมาอีก จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา ทางที่ดีควรคิดทบทวน แล้วมาหาทางพูดคุยกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความปรองดองให้ได้ ตนยินดีเป็นผู้ประสานงานให้
    คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์คัดค้านการจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. เพื่อผ่อนคลายให้พรรคการเมืองไม่ต้องดำเนินการตามหลักไพรมารีโหวต ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งจะเป็นการทำลายหลักปฏิรูปประเทศทำลายเจตนารมณ์การปฏิรูปการเมืองของ คสช.ที่ประกาศไว้ตอนเข้ามายึดอำนาจ และอาจเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลได้ทบทวนท่าทีดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันข้อสงสัยของสาธารณชนที่ว่าน่าจะมีการดูดนักการเมืองจำนวนหนึ่งมาตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนการอยู่ในอำนาจต่อไปของรัฐบาลปัจจุบัน และไม่ควรทำลายหลักการปฏิรูปประเทศ ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองบางกลุ่มเพื่อประโยชน์ของตน อันจะทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤติเช่นที่ผ่านมา
     นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า เมื่อ ครม.ได้ให้ความเห็นชอบกับร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับจำนวน 6 ฉบับแล้ว ตามขั้นตอนจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนของคณะกรรมการประสานงาน สนช. (วิปรัฐบาล) ในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะส่งมาที่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ต่อไป ในส่วนการพิจารณาของวิป สนช.นั้นส่วนตัวไม่แน่ใจว่าที่ประชุมจะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่คิดว่าหากไม่มีปัญหาประการใดแล้วน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ได้ในช่วงสัปดาห์ที่สองหรือสัปดาห์ที่สามของเดือน ก.ย.นี้ ซึ่ง สนช.จะใช้เวลาพิจารณาทั้งกระบวนการประมาณ 60 วัน จึงคิดว่าปลายปีนี้กฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับ สนช.จะดำเนินการได้แล้วเสร็จ
     "มีประเด็นที่ต้องหารือกันเป็นสำคัญคือการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวทั้ง 6 ฉบับ ว่าจะใช้รูปแบบใดระหว่าง 1.ใช้กมธ.เพียงชุดเดียว ซึ่งจะมีข้อดีสามารถพิจารณาจุดเชื่อมโยงของกฎหมายแต่ละฉบับได้ง่าย แต่มีข้อเสียตรงที่อาจทำให้การพิจารณาใช้เวลานาน หรือ 2.ตั้ง กมธ.6 คณะ เพื่อให้พิจารณาเป็นรายฉบับ ข้อดีจะอยู่ที่สามารถพิจารณาได้เร็ว แต่อาจจะทำให้มีปัญหาตรงการพิจารณาความเชื่อมโยงของกฎหมายแต่ละฉบับ ซึ่งทั้งหมดคงต้องหารือกันให้ชัดเจนอีกครั้ง" นายสุรชัย กล่าว
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่มีประมาณ 160 ข้อ เสร็จสิ้นในรอบแรกแล้ว และมีความเห็นให้มีการปรับแก้เกี่ยวกับการปฏิบัติในบางเรื่อง ซึ่งทางสำนักงานก็จะมีการนำเข้าที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งในการประชุม กกต.ครั้งต่อไป ในขณะนี้ กกต.ได้เร่งพิจารณาร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อให้ทันกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ที่กำลังจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเฉพาะ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ทันทีกระบวนการสรรหา ส.ว.ก็ต้องเริ่มดำเนินการในทันที
     มีการประมาณการไว้ว่า หาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ก.ย. กกต.ก็จะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้ซึ่ง ส.ว. จากนั้น 12 ต.ค. จะประกาศกำหนดวันลงทะเบียนองค์กรเพื่อเป็นองค์กรที่จะมีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ว. วันที่ 20 พ.ย. ประกาศรายชื่อองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.แยกเป็นรายกลุ่ม วันที่ 30 พ.ย. คาดว่า พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกส.ว.มีผลใช้บังคับ เปิดรับสมัคร ส.ว. วันที่ 10-14 ธ.ค. และวันที่ 22 ม.ค. กกต.แจ้งรายชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่ 1-10 ของแต่ละกลุ่มแต่ละวิธีสมัครรวม 200 คนให้ คสช.คัดเลือกเป็น ส.ว. 50 คน และคัดเลือกอีก 50 คน เป็นบัญชีสำรอง.