เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จากที่เป็นข่าวแชร์ตามสื่อโซเชียลกรณีที่มีภาพรถเมล์ 2 คันจอดขนานกันตรงป้ายรถเมล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้โดยสารจะลงจากรถได้อย่างไร พร้อมยังมีการตำหนิคนขับรถเป็นอย่างมาก เรื่องของการขับขี่แข่งกันจนไม่คำนึงถึงผู้ใช้บริการ และผู้ร่วมทาง เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนชินตาไปแล้ว
ส่วนรถเมล์ที่มีปัญหาในกรณีแบบนี้ก็หนีไม่พ้นสายเดิมๆ และส่วนใหญ่เป็นรถร่วมเอกชน แม้ที่ผ่านมาจะมีการคาดโทษกันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่ารถร่วมเหล่านี้จะเกรงกลัวต่อบทลงโทษแต่อย่างใด มิหนำซ้ำวันดีคืนดี ขับแข่งแย่งลูกค้ากัน ถึงขั้นลงมาด่าทอตบตีกันกลางถนนก็มี เรื่องแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน หรือมองอีกมุมหนึ่งบทลงโทษเบาไปหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล้วกัน
พูดถึงรถเมล์ 2 คันที่มีการเสนอไปตามหน้าสื่อต่างๆ หลังจากนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.ย. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้เรียกต้นสังกัดพร้อมพนักงานขับรถสาย 44 ของบริษัท รวีโชค จำกัด และสาย 8 ของบริษัท กลุ่ม 39 เดินรถ จำกัด มาสอบข้อเท็จจริง
โดยนายประสิทธิ์ บุญร่วม คนขับรถสาย 44 อ้างว่า ขณะที่จอดรับผู้โดยสาร รถเมล์สาย 8 ได้ขับมาต่อท้าย และขับออกอีกเลนหนึ่งเพื่อแซง แต่แซงไปไม่พ้น ทำให้เกิดภาพที่รถจอดแนบชิดกัน ซึ่งสาย 8 ไม่กล้าถอยรถออก เพราะไม่ชำนาญ ต่อมาจึงให้คนขับรถเมล์สาย 182 ขึ้นไปช่วยขับแทน เพื่อให้ออกจากป้ายไปได้ ยืนยันว่าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุหรือมีปากเสียงกับคู่กรณี
ด้าน นายธีระพัฒษจ์ โกมลเสวิน รักษาการผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการรถเอกชนร่วมบริการ เขต 1 เผยว่า ได้ดำเนินการลงโทษทั้ง 2 คัน ซึ่งสาย 44 มีพฤติการณ์ขับรถจอดแช่ จึงให้ชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท ส่วนสาย 8 มีการขับแซงในที่คับขัน ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายจราจร จึงลงโทษให้ชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท พร้อมให้ทั้ง 2 คันพักการขับขี่เป็นเวลา 15 วัน ส่วนรถโดยสารให้พักการใช้รถเป็นเวลา 7 วัน หากพบว่ามีพฤติกรรมทำซ้ำอีก จะดำเนินการส่งใบแจ้งเตือนหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถโดยสาร
และเมื่อย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้มีโครงการ "ประชาชนเดินทางปลอดภัยซ้ายตลอดจอดทุกป้าย (เมื่อผู้โดยสารจะขึ้น-ลง)" ทั้งนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยในช่วงเปิดเทอม โดยในโครงการดังกล่าวจะมีการควบคุมให้พนักงานขับรถเมล์ของ ขสมก. และรถเอกชนร่วมบริการ ให้ขับรถชิดซ้าย และจอดรับ-ส่งทุกป้ายที่มีผู้โดยสารต้องการขึ้น-ลง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแม้ว่าโครงการให้รถเมล์ขับชิดซ้ายจะทำมาแล้วหลายปี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่า 80% ของข้อร้องเรียนและการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากการขับรถออกขวา จึงมีความพยายามลดข้อร้องเรียนเรื่องนี้ให้ได้ เพราะถือว่าเป็นสาเหตุใหญ่ โดยตั้งเป้าไว้ให้เหลือเพียง 50% ซึ่งนำไปสู่การลดจำนวนการเกิดอุบัติให้ได้ 50% เช่นกันสำหรับมาตรการลงโทษจะเพิ่มการลงโทษให้หนักขึ้น หากเป็นพนักงานขับรถ ขสมก. จะมีโทษตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน โดยดูจากเจตนาการกระทำความผิดและจำนวนครั้ง ส่วนรถร่วมเอกชนได้แจ้งขอความร่วมมือไปแล้ว หากถูกร้องเรียนจะมีโทษเป็นการเปรียบเทียบปรับ
เมื่อกลับมาดูในขณะนี้จะพบว่า โครงการดังกล่าวหายไปกับลม สังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในปัจจุบัน แข่งขันกันรับผู้โดยสาร ปาดซ้ายทีขวาที เรียกได้ว่าไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทางกันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าใหญ่มาจากไหน และสิ่งที่พบเจอบ่อยที่สุดคือ ไม่จอดป้ายทั้งๆ ที่มีผู้โดยสารยืนรอเพื่อขึ้นรถ แบบนี้จะร้องเรียนใครได้บ้าง เมื่อผู้ใช้บริการเจอเหตุการณ์แบบนี้ คงจะเบื่อเต็มทน ร้องเรียนที เรื่องก็เงียบ แบบนี้ถึงไม่มีการพัฒนาไปไหน
จะว่าไปแล้วรถโดยสารสาธารณะที่ดีก็มีอีกเยอะ พนักงานขับรถที่เคารพกฎจราจร ขับดีมีน้ำใจ ก็มีให้เห็น นี่คือสิ่งที่เหล่ารถร่วมบริการที่ไม่มีระเบียบวินัยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จากนี้ไปก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการให้บริการจากรถโดยสารสาธารณะที่ไม่เคารพกฎอีก ได้แต่ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกวดขันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |