ถ้าการทำร้านอาหารนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อการอยู่รอด หรือเป็นการดำรงชีพหารายได้มาเจือจุนครอบครัวอีกทางหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของร้านอาหารคงต้องยึดโยงอยู่กับตัวเลขกำไร-ขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะการทำร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่ทำอาหารได้ก็โอเค แต่มันต้องพ่วงด้วยหัวใจของการบริการให้ลูกค้าได้ประทับใจด้วย ธุรกิจจึงจะรุ่งเรืองและบรรลุเป้าหมายของการทำมาหากิน..จริงไหม
อย่างไรก็ตาม มีบางคนหรือบางร้านอยู่เหมือนกันนะคะ ที่ทำร้านอาหารเพื่อจะได้คลายเหงา หรือเข้าทำนองว่า ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เส้นอาจจะยึด สมองอาจจะฝ่อได้
ถ้าเป็นเหตุผลว่า การทำร้านอาหารเพื่อทำลายความเหงา ชีวิตก็คงจะฟินน่าดู เพราะเลือกแล้วว่าจะเหนื่อยเพื่อแลกกับอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเหนื่อยโดยไม่สนใจ "เงิน" เป็นเครื่องตัดสินล่ะก็ เขาเรียกว่าทำในสิ่งที่รักและสิ่งที่ชอบ บทสรุปย่อมจะเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
บ้านสวนทูนอิน ที่โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ของ "ป้าติ๋ม" สุมาลี วงษ์สวรรค์ ภรรยาของนักเขียนชื่อดัง ’รงค์ วงษ์สวรรค์ คือตัวอย่างของคนที่เปิดบ้านทำร้านอาหารเพื่อแก้เหงา ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ค่ะ เพราะนอกจากป้าติ๋มฝีมือฉกาจเรื่องการทำอาหารแล้ว โดยปกติก่อนที่จะแปลงบ้านเป็นร้านอาหารอย่างจริงจังนั้น สวนทูนอินก็ต้องต้อนรับแขกเหรื่อและเพื่อนๆ ของลุง 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ในแบบที่เรียกว่าบันไดไม่มีแห้งกันเลยทีเดียว
หลังจากที่สามีนักเขียนจากไป บรรดาลูกๆ ก็รู้สึกว่าคุณแม่อาจจะเหงาได้ โดยเฉพาะลูกทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เลยลงความเห็นว่า เมื่อคุณแม่ชอบทำอาหาร และปกติก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมจะหยุดเพียงเพราะคุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วล่ะ
วันนี้สวนทูนอินจึงกลายเป็น "เช็กพอยต์" ของบรรดานักท่องเที่ยวแนวที่ชมชอบธรรมชาติและอาหารพื้นเมืองท้องถิ่น ที่สำคัญทำให้ "ป้าติ๋ม" มีเพื่อนเปลี่ยนหน้าเข้ามาคุยด้วยไม่แตกต่างจากครั้งเมื่อสามียังมีชีวิตอยู่ เพราะสวนทูนอินให้บริการอาหารแบบเป็นเซตเมนู และลูกค้าต้องโทร.เข้าไปจองและบอกล่วงหน้าว่ามากันกี่ท่านค่ะ ซึ่งด้วยวิธีการบริหารแบบนี้ทำให้เจ้าของบ้านไม่เหนื่อยจนเกินไป กับวัยที่เข้าเลขหลัก 7นำหน้าแล้ว
ทุกอย่างเป็นความเพลิดเพลินของบั้นปลายชีวิต ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ตัวเองชอบ และรัก โดยลูกชาย 2 คนช่วยบริหารจัดการในทางเทคนิคและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่แตกต่างจากการต้อนรับเพื่อนฝูงมากินข้าวบ้าน
ชีวิตชีวาแบบนี้ ..รับรองไม่เป็นอัลไซเมอร์และไม่เป็นโรคเครียดแน่นอนค่ะ.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |