นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. :  วันนี้ผมกับพวกโดนอัยการฟ้องในข้อหาก่อการร้าย กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร และพ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดิน บุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงทั้งสิ้น แต่พวกผมทั้ง 9 คน ได้ตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า ที่อัยการนัดหมายให้พวกเรามามอบตัวเพื่อส่งฟ้องก็จะเข้ามามอบตัว เราเป็นคนไทย เราต้องเคารพกฎหมายไทย เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย จะถูกจะผิดอย่างไรก็ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรม จะนำเอาพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ไปเสนอต่อศาลเพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

การที่เราออกมาสู้เคียงข้างประชาชน อาจจะบาดเจ็บ อาจจะเสียชีวิต อาจจะถูกดำเนินคดี เรายังนึกถึงพี่น้องประชาชนนับพันคนที่ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อและอวัยวะ จากการมาร่วมต่อสู้กับเรา แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายจนเสียชีวิต แต่เราก็จะยืนหยัดต่อสู้ต่อไป เพื่ออนาคตของประเทศ เรายืนหยัดผลักดันเพื่อให้มีการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถ้าเราพลาดพลั้งแพ้คดี ถูกศาลลงโทษก็พร้อมจะน้อมรับ เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจเลือกทางนี้แล้ว

สำหรับการพิจารณาคดีในชั้นศาล พวกเราทุกคนของประกาศว่า จะไม่ประวิงคดีเป็นอันขาด เราต้องการเร่งรัดให้มีการไต่สวน สืบพยานโจทก์จำเลยโดยรวดเร็วที่สุด เพราะเราทราบดีว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน

มีผู้ต้องหาอีก 34 คน ยังไม่ถูกนำตัวส่งฟ้อง หากมีการส่งฟ้องจะขอศาลรวมสำนวนเป็นสำนวนเดียวกันหรือไม่?  

นายสุเทพ : ความจริงผมไม่อยากจะก้าวล่วงในดุลพินิจของอัยการ แต่ในความรู้สึกผมคิดว่า จำเลยในคดีนี้สมควรที่จะมีเฉพาะพวกพวก 9 คน เพราะพวกพวกทั้ง 9 คน เป็นกลุ่มที่ริเริ่มชักชวนประชาชนออกมาร่วมขบวนการต่อสู้เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด 240 วัน ผู้ที่มาร่วมบางคนขึ้นเวทีเพื่อตอบปัญหาข้อสงสัยแก่มวลชน อย่างเช่นนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ขึ้นเวทีอธิบายเกี่ยวกับเหตุผลการต่อสู้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่น คดีที่มีการฟ้องที่ศาลปกครอง และนักวิชาการมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็มาให้ความเห็น ความรู้แก่ประชาชน คนเหล่านี้ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ควรจะใช้เวลาไปสอนหนังสือ หรือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้เข้ามามีบทบาทอะไรทั้งสิ้นก็โดนข้อหาร่วมกันกบฏ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากทางอัยการได้ตระหนักในเรื่องนี้ ก็ควรจะมีการสั่งให้สอบสวนผู้ต้องหาเหล่านี้ใหม่ เพื่อที่จะดำเนินการให้เกิดความยุติธรรม

อยากให้มีการแยกสำนวนเฉพาะของ 9 คน เพื่อดำเนินคดีในชั้นศาลด้วยความรวดเร็วใช่หรือไม่?

นายสุเทพ  : ความต้องการของพวกผมอาจจะไม่มีผล ขึ้นอยู่กับทางอัยการและศาลจะพิจารณา แต่ถ้ามีโอกาสพวกผมตั้งใจที่จะแถลงต่อศาล ขอให้ดำเนินคดีกับพวกผมทั้ง 9 คน ให้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ก่อนหน้านี้ผมได้เคยเสนอแนวคิดนี้ไปทางอัยการแล้ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นจำเลยแล้วต้องเสียเวลาในชั้นศาล จะได้ไปทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติต่อได้

การเตรียมทนายความและพยานหลักฐานในการสู้คดี?

นายสุเทพ : หลังจากที่ได้มีการต่อสู้  ผมก็ได้ตั้งสำนักงานทนายความขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ เนื่องจากจะไม่ปล่อยให้พี่น้องโดนคดีโดยไม่มีการช่วยเหลือ ส่วนพวกเราทั้ง 9 คน ก็จะมีการเตรียมทนายไว้สู้คดี แต่เราก็เพิ่งมารู้ข้อหาที่โดนฟ้องในวันนี้ จากนนี้ไปเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องหาพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วีดีโอ หรือพยานบุคคลนำมาต่อสู้คดี

อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ หากทราบเรื่องและเห็นเหตุการณ์ สามารถเข้ามาเป็นพยานได้ เพื่อพวกผมจะได้ใช้ประโยชน์ในการต่อสู้คดี ขณะนี้เรายังไม่ทราบว่าจะยื่นบัญชีพยานจำเลยขึ้นสู่การพิจารณาของศาลกี่ปาก เพราะเพิ่งทราบข้อหาวันนี้ ต้องขอเวลาปรึกษากันก่อน

เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีแต่ต้องถูกดำเนินคดีฐานกบฏรู้สึกอย่างไร?

นายสุเทพ : เป็นเรื่องที่ผมคิดไว้ก่อนแล้ว เพราะการต่อสู้ครั้งนั้นรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีอะไรได้เปรียบ อาจจะถูกทำร้ายหรือถูกตั้งข้อหา ซึ่งผมเห็นว่ามีประชาชนเสียสละมาเพื่อเรา วันนี้พวกผมภาคภูมิใจที่ได้เป็นกำลังต่อสู้เพื่อชาติ

ภายหลังจากชุมนุมต่อสู้จนมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร พอใจหรือไม่?

นายสุเทพ :  ต้องแยกกัน เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้เป็น กปปส. ต่างคนต่างทำหน้าที่ รัฐบาลชุดนี้มารับช่วงงานต่อ จึงเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ที่ผมออกมาต่อสู้จนล้มรัฐบาลที่แล้วได้ ถือว่าคุ้ม เพราะถ้าเราไม่ออกมาต่อสู้ในวันนั้น วันนี้ประเทศก็คงเป็นเหมือนเดิม ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจมืด ภายใต้การปกครองของรัฐ ที่ไม่ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ประชาชน ชาวนา คงน้ำตาตกใน ประชาชนยังคงไม่ได้ค่าข้าว ชาวนาอาจจะต้องฆ่าตัวตายอีกจำนวนมาก

อย่างน้อยที่สุดที่เราได้พบคือ ได้ผ่านภาวะเลวร้ายทางการเมืองนั้นมาแต่คนไทยทุกคนยังมีพันธกิจ หน้าที่ต้องเดินหน้า ปฏิรูปประเทศต่อให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอันสมบูรณ์

มีความเห็นอย่างไรกับรัฐบาลนี้ถูกวิจารณ์ถึงปัญหาการทุจริต ?

นายสุเทพ  :  แล้วแต่คนมอง แล้วแต่เหตุการณ์ แล้วแต่กรณี สำหรับพวกผมมองว่านับจากคสช.เข้ามายึดอำนาจ แม้จะไม่ใช่ความต้องการของพวกผม แต่อย่างน้อยเขาได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รัฐธรรมนูญเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่ได้คิดตามแนวทางของการปฏิรูปประเทศ ส่วนเมื่อปฏิบัติแล้วมีปัญหาอย่างไร ก็จะต้องแก้ทีละเรื่อง ที่ผมเคยประกาศว่าต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะคาดว่าข้าราชการและประชาชนทุกฝ่ายจะได้รวมพลังกันต่อสู้อำนาจรัฐ ก่อตั้งรัฐบาลและสภาของประชาชน วันนี้เราไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ได้อยู่ในสภา หาก คสช.ทำได้แค่ไหน ก็ยินดีแค่นั้น แต่พันธกิจเรื่องนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป

หน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลของ กปปส.ยังมีอยู่หรือไม่ เช่น นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม?

นายสุเทพ :  กปปส.ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน แล้วผมคิดว่ารัฐบาลขณะนี้ก็ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น กปปส.ก็ไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบรัฐบาล หน้าที่ของเราคือต้องบอกประชาชนว่าอะไรที่คสช.ปฏิรูปแล้ว ก็ขอขอบคุณ ส่วนที่ยังทำไม่ได้ก็ต้องทำต่อ

การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการแก้ไขกฎหมายพรรคเมือง ที่คุณสนับสนุนให้แก้ไข

นายสุเทพ : ผมกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เหมือนบ่อน้ำกับแม่น้ำ ผมไม่วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ เพราะลาออกมาแล้ว

การเลื่อนเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายครั้ง ล่าสุดเลื่อนอีก 90 วัน ตามที่ กมธ.ของ สนช.เสนอ ?

นายสุเทพ  : ไม่เป็นไร เลือกตั้งเลือกเมื่อไรก็ได้ แต่ขอให้การเลือกตั้งนั้นบริสุทธิ์ยุติธรรม ได้คนดีมาทำหน้าที่แทนประชาชน ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าจะมีการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องมองด้วยหัวใจที่เป็นธรรม อย่าไปมองด้วยอคติ หรือหัวใจที่ทำตัวเป็นฝ่ายค้าน เพราะผมไม่ใช่ฝ่ายค้าน

หากมีการเลือกตั้งจะมีตัวแทนของ กปปส.หรือไม่?

นายสุเทพ : ยังไม่ทราบว่าจะมีใครตั้งพรรคการเมืองบ้าง ต้องรอให้ถึงเวลา ส่วนตนจะสนับสนุนฝ่ายใดหรือไม่ เมื่อถึงเวลาก็จะบอก ผมเป็นคนตรงไปตรงมา เปิดเผยชัดเจน.