อุบไต๋นั่งนายกฯต่อ! ประยุทธ์ชัดเมื่อคลายล็อก/ป้อมเชียร์ทำงานให้จบ


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์” ย้ำรอโปรดเกล้าฯ กฎหมายลูกและคลายล็อกเมื่อใด เปิดอนาคตการเมืองแน่ ส่วน “พี่ใหญ่ป้อม” ดันน้องตู่นั่งเก้าอี้ต่อเพื่อทำงานให้จบ!  นายกฯ ประสานเสียงมหาดไทยโยน กกต.ตัดสินกรณีเก็บบัตรประชาชนที่โคราช “เพื่อไทย” ได้ทีขย่มส่งข้อมูลให้ส่วนกลางเพิ่ม ว่าที่ผู้สมัครภูมิใจไทยโชว์บันทึกแจ้งความ เผยจัดหนักแรมโบ้แน่ อ้างไพรมารีฯ ทำให้ต้องล่าชื่อ ปชช.เพื่อให้พรรคเห็น เสวนาปฏิรูป “ไพร่หมื่นล้าน” โชว์นโยบายเปิดบัญชีทุกไตรมาส ใช้เงิน 350 ล้านบาทสู้เลือกตั้ง
    เมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ ถึงความชัดเจนในอนาคตทางการเมือง ว่าเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว และเมื่อมีคำสั่งมาตรา 44 คลายล็อกพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ จากนั้นขั้นตอนต่อไปคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ที่ต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล โดยสถานการณ์ในช่วงนั้น จะเป็นผลในการตัดสินใจของตนเองว่าจำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าจำเป็น แล้วจะเป็นได้อย่างไร ซึ่งจะตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์ช่วงนั้น
    “วันนี้คงตอบได้เท่านี้ ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน นำประเทศชาติไปสู่การปฏิรูป และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว นี่คือคำตอบของผม ดังนั้นขอร้องอย่าถามบ่อยนัก เพราะวันนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตในการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์โครงการรัฐบาลและโปรโมตตัวนายกฯ โดยเฉพาะการดึงศิลปินดารามาร่วมโครงการ ถือเป็นการหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ที่เชิญดารามาวันนี้ไม่ได้เสียเงินสักบาทเดียว เขามาช่วยฟรีๆ ส่วนที่ถามว่ามาโปรโมตตัวนายกฯ หรือไม่นั้น เรื่องนี้เคยพูดไปแล้วว่าไม่ได้มาโปรโมตตัวนายกฯ แต่มาสร้างการรับรู้และเข้าใจนโยบายของรัฐบาล เข้าใจการทำงานในปัจจุบัน และต้องย้อนไปยังคำถามว่าอนาคตทางการเมืองของตนเองอยู่ตรงไหน มันจำเป็นหรือไม่ที่ต้องโปรโมตตัวเอง ในเมื่อทุกวันที่ผ่านมาก็พูดเองอยู่แล้ว เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาล คนเป็นนายกฯ เขาก็พูดในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำไป ซึ่งทุกพรรคก็ทำเช่นนี้ แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำแบบนั้น แต่เพียงต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเราทำงานอะไรได้บ้าง กี่เรื่องแล้ว ประชาชนจะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร วันนี้เราต้องสร้างความร่วมมือและเข้าใจกับทุกคนให้ได้ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล ด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ที่ทุกคนควรรู้ ไม่ใช่หาเสียง
    “วันนี้ผมยังไม่มีพรรคอะไรเลย ผมจะหาเสียงไปให้ใคร ที่สำคัญเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน จึงอยากฝากไว้ และอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย เป็นของนักการเมืองเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า เป็นของคนกลุ่มเดียวหรืออย่างไร เพราะข้าราชการอื่นๆ พลเรือน ตำรวจ ทหารที่เกษียณอายุแล้วก็มีขีดความสามารถที่จะเข้าสู่การเมืองได้ตามกฎหมาย ถ้าใครอยากทำในส่วนของผม ถ้าผมจะต้องทำก็ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ขอให้คอยดูกันต่อไป” นายกฯ กล่าว
“บิ๊กป้อม”เชียร์น้องตู่อยู่ต่อ
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้การเมืองขอให้เป็นเรื่องการเมืองไปเถอะ เพราะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินตรงนี้มากกว่า เรื่องการเมืองก็ต้องเดินหน้าตามกฎหมาย เราพยายามเดินสู่วันเวลาที่กำหนดไว้ ตอนนี้มีหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง จึงต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วนด้วย เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และขออย่าได้สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอีกนักเลย อะไรแก้ได้ก็ต้องช่วยกันแก้ 
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงเรื่องการทำไพรมารีโหวต ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องแก้ในเรื่องการปลดล็อก ขณะนี้บางพรรคมีปัญหา แต่บางพรรคก็ไม่มี ฉะนั้นอย่ามาขัดแย้งกันเลย เราต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดที่ไปสู่กำหนดการเลือกตั้ง ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือ รวมถึงความพร้อมของทุกพรรคด้วย และการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคในระยะแรก ควรเป็นได้แค่ไหน เพื่อให้เวลาในการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ ต่อการปฏิรูปการเมืองครั้งต่อไป
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวตอบคำถามกรณีจะมีคำแนะนำอะไรให้ พล.อ.ประยุทธ์ในการประกาศอนาคตทางการเมืองในเดือน ก.ย.นี้ ว่าจะให้ไปแนะนำอะไร เขาเป็นผู้นำประเทศ คิดเองได้ สื่อก็ไปให้คำแนะนำ เพราะสื่อให้คำแนะนำอยู่ทุกวันอยู่แล้ว
    เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรก้าวต่อไปในทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ควรจะเป็นนายกฯ ต่อไป เพื่อทำงานต่อให้จบ และเมื่อถามว่าจะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ๆ อนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไรไม่ขอพูดแล้ว ส่วนเมื่อถามว่าเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ที่จะเดินหน้าทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรสวนว่า ห่วงสื่อมากกว่า ห่วงสื่อจะเล่นงานตนเองไม่พอ
    สำหรับกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดนครราชสีมาให้ยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เนื่องจากมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ้างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เก็บบัตรประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ กกต.จะพิจารณา ซึ่งในส่วนของ คสช.ฝ่ายกฎหมายก็กำลังพิจารณาตรวจสอบ ในช่วงนี้ว่ามีข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไร โดยเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย
    พล.อ.ประวิตรกล่าวเช่นกันว่า เป็นเรื่องของ กกต. ส่วนจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ขัดคำสั่ง คสช.หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของการเก็บบัตรประชาชน ซึ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ และ คสช.ไม่ต้องจับตาอะไร ทาง กกต.จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ 
    ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดย้อนหลังหรืออะไร ถ้าผิดเมื่อไรคือเมื่อนั้น อยู่ที่ว่าจะดำเนินคดีเมื่อไร หากยังอยู่ในอายุความสามารถดำเนินคดีได้ ส่วนที่อีนุงตุงนังกันอยู่ ขอว่าอย่าไปทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง เพราะทำอะไรลงไปจะมีคนคอยจ้องจับผิดกันอยู่ ไม่ได้มีแค่เจ้าหน้าที่ของรัฐ พรรคการเมืองก็จ้องจับผิดกันเอง และทุกคนจะเก็บข้อมูลไว้ ถึงเวลาจะเอามาฟ้องร้องกันเปล่าๆ ขอให้ทุกคนระมัดระวัง เคลื่อนไหวด้วยความสงบ ที่บอกว่าการจะจัดการเลือกตั้งต้องอยู่ในความสงบเรียบร้อย ลักษณะเช่นนี้คือ ความไม่สงบชนิดหนึ่ง เพียงแต่ไม่รุนแรง และไม่ส่งผลกระทบมาก แต่ถ้าปล่อยไปยาวๆ แล้วมีหลายเรื่องเข้ามาจะกลายเป็นความรุนแรงที่มากขึ้น
พาเหรดโยน กกต.ลงดาบ
    เมื่อถามว่า หากคลายล็อกแล้วความวุ่นวายจะหนักกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุถามย้อนกลับมาว่า “ก็จะทำอย่างไรได้”
    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้แจ้งให้ฝ่ายปกครองตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วตามกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการโดยหลักการน่าจะเป็น กกต.ต้องมาดูแล เพราะใครทำอะไรถ้าปล่อยให้เกิดขึ้น ก็จะมีการมาโต้แย้งกันอีก คิดว่าไม่เกิดประโยชน์ กกต.ต้องมาดูแลว่าทำได้หรือไม่ได้อย่างไร
    ขณะที่ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงจะดูแลความสงบเรียบร้อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องความรุนแรง และการใช้วาทกรรม จะพยายามตรวจสอบ ส่วนการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น กกต.จะเป็นผู้พิจารณา
    ส่วนที่สำนักงาน กกต. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายโกศล ปัทมะ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด  สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เข้ายื่นคำร้องและเอกสารเพิ่มเติมขอให้ตรวจสอบกรณีกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองดำเนินการในลักษณะทุจริตซื้อเสียงล่วงหน้าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยนายอนุสรณ์ระบุว่า  ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเอกสารหลักฐานมาบางส่วนต่อ กกต.ไปแล้ว วันนี้จึงเป็นการยื่นเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าการกระทำในลักษณะนี้เข้าข่ายการซื้อเสียงล่วงหน้า ผิดกฎหมายหรือไม่ จึงได้นำข้อมูลมาร้องเรียนต่อ กกต.
    “การมาร้องไม่ได้ให้ยุบพรรคใด พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบัน เมื่อได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จะเก็บเรื่องไว้ก็ไม่ได้ และคาดว่าจะมีในอีกหลายจังหวัด ซึ่งนครราชสีมาก็เป็นพื้นที่ทหาร จึงเป็นคำถามของชาวโคราช ว่ากลุ่มหนึ่งสามารถดำเนินการได้ ทำให้เกิดคำถามว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะอีกพรรคหนึ่งที่ตรงกันข้ามรัฐบาลทำกลับถูกดำเนินการ และคิดว่าทหารก็ควรเข้าไปตรวจสอบ แต่ตอนนี้มีความพยายามที่จะตัดตอนว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองเดียว” นายอนุสรณ์กล่าว
    นายประเสริฐกล่าวว่า การเก็บบัตรประชาชนมีการเก็บใน 20 อำเภอ จาก 32 อำเภอของนครราชสีมา ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าเอาบัตรประชาชนไปทำอะไร และมีข้อมูลว่าคนที่ไปรวบรวมบัตรมาถ่ายสำเนาไว้ จะได้เงินเป็นการตอบแทนหัวละ 10 บาท และถ้าเจ้าของบัตรสมัครเป็นสมาชิกพรรค ก็จะได้รับค่าตอบแทนอีก ซึ่งเบื้องต้นรวบรวมสำเนาบัตรไว้เป็นหลักหมื่นแล้ว  
    ด้านนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และคนที่ระบุว่าจะเป็นผู้สมัครของพรรคก็ยังไม่ได้เป็น เพราะกระบวนการคัดสรรยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการกล่าวหาให้พรรคเกิดความเสียหาย จึงต้องดำเนินการทางกฎหมายฐานหมิ่นประมาท เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนที่ได้พบกับนายอนุสรณ์ก่อนจะมีการยื่นคำร้องนั้น ไม่ได้คุยเรื่องนี้ แต่ พท.ถือว่าได้รับผลกระทบเหมือนกัน
     “มั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมายใดๆ รวมถึงคำสั่ง คสช.ด้วย เพราะการหาสมาชิกยังทำไม่ได้ ขณะนี้เป็นเพียงวิธีการทาบทามให้มาเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น จึงไม่ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง” นายสรอรรถกล่าว
    ขณะเดียวกัน ที่โรงแรมแคนทารี โคราช จ.นครราชสีมา นายพรชัย อำนวยทรัพย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขต อ.ครบุรี ได้นำหลักฐานแจ้งความลงบันทึกประจำวันมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันการแจ้งความร้องทุกข์กรณีนายสุภรณ์กล่าวหาไปว่าจ้าง อสม.ไปเก็บบัตรประจำตัวประชาชน 
ยกเหตุไพรมารีโหวต
    โดยนายพรชัยยอมรับว่า มีความคิดว่าอยากจะก้าวสู่ถนนการเมืองระดับชาติบ้าง เพื่อเป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาชาวบ้าน และชาวไร่มันสำปะหลังให้รัฐบาลรับทราบ แต่การเข้ามาเป็นตัวแทนสมัคร ส.ส.นั้น เพราะตามกฎหมายเลือกตั้งใหม่ในระบบไพรมารีโหวต ซึ่งต้องมีประชาชนในพื้นที่เสนอชื่อ จึงได้ทำแบบสอบถามพี่น้องประชาชน เวลาไปงานบวช งานแต่ง งานศพ และงานต่างๆ และเพื่อให้มีน้ำหนักพอที่จะยืนยันว่าเป็นการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนจริงๆ เพื่อนำไปเสนอต่อพรรคภูมิใจไทย เลยต้องถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนแนบมาด้วย ซึ่งทุกคนก็ยินดี 
    “ผมและนายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แต่ทุกประเด็นที่นายสุภรณ์กล่าวหามาไม่เป็นความจริง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยเลย จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ครบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับนายสุภรณ์ ต้องรวบรวมพยานและหลักฐานให้แน่นก่อน แต่ยืนยันว่าจะแจ้งข้อกล่าวหานายสุภรณ์แน่นอน” นายพรชัยกล่าว
    วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ สถาบันพระปกเกล้า จัดงานสัมมนาวิชาการครบรอบ 20 ปีแห่งการสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า โดยเสวนาเรื่อง “พรรคการเมืองไทยบนเส้นทางแห่งการปฏิรูป”  โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า หากต้องการเห็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยต้องทบทวนวิธีการเขียนกฎหมายหรือการควบคุมกำกับดูแลพรรคการเมือง ซึ่ง ปชป.มีปัญหาความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคค่อนข้างน้อย เพราะพรรคเกิดขึ้นจากนักการเมืองที่มีความคิดและอุดมการณ์เหมือนกัน พรรคไม่หยุดอยู่กับที่ และยืนยันว่าจะเป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เพื่อเดินหน้าเป็นสถาบันการเมืองที่สําคัญในประเทศไทยต่อไป
     “การเลือกตั้งต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ใครสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ก็ควรมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล รวมถึงต้องกำหนดกติกาที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งพรรคจะสนับสนุนแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์”
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พท.มุ่งหมายที่จะสร้างพรรคให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย กำหนดผู้นำพรรค ซึ่งหากทำให้พรรคการเมืองสามารถเป็นสถาบันทางการเมืองได้ในอนาคตก็จะทำให้การเมืองไทยพัฒนาต่อไปได้ แต่ปัจจุบันการเมืองถูกปิดล้อม ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมที่สำคัญทางการเมืองได้ 
“ปัจจุบันสังคมเห็นร่วมกันว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญในส่วนที่จำเป็นต้องแก้ โดยเฉพาะกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งพรรคมีแนวคิดจะโละทิ้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เนื่องจากมองว่าไม่เป็นผลดีกับการพัฒนาและการปฏิรูปประเทศ” นายจาตุรนต์กล่าว
     ขณะที่นายสรอรรถกล่าวว่า เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองได้เตรียมความพร้อมทั้งในที่แจ้งและที่ลับ และเตรียมความพร้อมหากเวลาหาเสียงมีไม่มากนัก ทั้งนี้ในส่วน ภท.เชื่อว่าหากต้องการเป็นประชาธิปไตยพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้ง และพรรคต้องไม่ถูกครอบงำจากนักธุรกิจ 
    “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปียังไม่มีรายละเอียดในทางปฏิบัติที่ชัดเจน แต่ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่ความเป็นประชาธิปไตย เพราะการเป็นประชาธิปไตยต้องทำให้เกิดความคล่องตัวตามนโยบายที่พรรคการเมืองได้สัญญาไว้กับประชาชน” นายสรอรรถกล่าว
โชว์เปิดบัญชีทุกไตรมาส
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายว่าจะเปิดเผยบัญชีของพรรคทุกไตรมาส เพื่อให้สมาชิกสามารถตรวจสอบรายรับและรายจ่าย รวมถึงที่มาของเงินได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าพรรคไม่มีการซื้อเสียง เพราะเชื่อว่าวิธีที่จะทำให้ประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยได้ นั่นคือการเอาชนะทางความคิด ดังนั้นอุดมการณ์กับคะแนนเสียงจึงต้องเป็นเรื่องเดียวกัน 
     “การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก พรรคต้องการเงินลงทุนจากผู้สนับสนุนแนวทางของพรรค 350 ล้านบาท เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เงินหลักพันล้านเหมือนพรรคอื่น”นายธนาธรกล่าว และว่า แนวทางการปฏิรูปของพรรคนั้น จะล้มล้างผลพวงของการรัฐประหาร และไม่สนับสนุนให้ คสช.กลับมาเป็นรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นตัวตัดสิน หากทุกพรรคการเมืองร่วมมือกันและไม่เชิดชูอีแอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเมืองไทยก็จะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้
     ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปกล่าวว่า กลไกขับเคลื่อนการเมืองต้องอาศัยประชาชนผ่านการขับเคลื่อนโดยพรรคการเมือง เพื่อให้ตอบโจทย์การปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยหลักการคือการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนภายใต้การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแก้ไขกฎหมาย 
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตรกล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรอาจไม่ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐว่า ไม่ทราบเรื่องนี้เลย แต่ที่ผ่านมากลุ่มยังไม่เคยพูดว่าจะไปสังกัดพรรคไหน หรือว่าจะไม่สังกัดพรรคไหน เพราะยังไม่มีการคลายล็อก หากมีการคลายเมื่อใดก็จะชัดเจนว่ากลุ่มไปสังกัดพรรคไหน
    นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา ปชป. และแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. ระบุผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์พาดพิงตนเอง และ ปชป.อยากร่วมรัฐบาลว่า เมื่อจะวิจารณ์ควรใช้คำพูดที่สุภาพกว่านี้ การมีสปิริตของคนในระบอบประชาธิปไตยต้องให้เกียรติความเห็นของผู้อื่น แม้ความเห็นนั้นจะถูกหรือผิด ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรวิจารณ์ ด่าบริภาษโดยใช้คำพูดรุนแรง เพราะล้วนสะท้อนถึงตัวตนและความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่
     “ส่วนที่วิจารณ์ผมว่าอยากเข้าร่วมรัฐบาลและทิ้งอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ หรือสนับสนุนคณาธิปไตยและระบอบรัฏฐาธิปัตย์นั้น ก็พูดบนข้อมูลพื้นฐานที่บกพร่อง ถามว่าเมื่ออยู่ในสภาคนที่อ้างเป็นนักประชาธิปไตย แต่กลับออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมสุดซอย ไม่รับฟังเสียงข้างน้อยเช่นกัน ถูกต้องแล้วหรือ”
     นายถาวรย้ำว่า การให้สัมภาษณ์ของตนเองกล่าวถึงแนวทางที่ดีจะต้องรักษาประชาธิปไตยและความอยู่รอดของประเทศชาติเป็นหลัก แต่กลับการวิพากษ์ความเห็นแล้วนำไปโยงกับพรรค โดยไม่ดูการกระทำที่ผ่านมา สะท้อนถึงอคติในจิตใจของผู้พูดในทำนองเดียวกันที่บอกว่าคนของระบอบทักษิณไม่ทุจริต เพราะตั้งคณะกรรมการปราบทุจริตขึ้นในรัฐบาลยุคนั้นเช่นกัน แต่ตัวพ่อตัวแม่กลับหลบหนีไปต่างประเทศ ทิ้งลูกน้องให้ทยอยติดคุก จึงขอให้นางธิดาย้อนดูตัวเองก่อน
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า ช่วงนี้จึงเป็นช่วงประเมินสถานการณ์ โดยเงื่อนไขที่จะทำให้กลุ่มออกมาเคลื่อนไหวทันทีคือเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 24 ก.พ.2562.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"