4 ก.ย.61 - นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกปปส. กล่าวถึงกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำนปช. ระบุผ่านเฟซบุ๊กไลฟท์พาดพิงตนและพรรคประชาธิปัตย์ในลักษณะอยากร่วมรัฐบาล อ้างความอยู่รอดของชาติ ทิ้งอุดมการณ์พรรค เป็นทฤษฎีสามานย์เลวทราม ว่า ตนมีสถานะเป็นเพียงอดีตส.ส.ธรรมดาและไม่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างที่เข้าใจในฐานะที่เป็นผู้สูงอายุด้วยกันและมีลูก หลานผ่านประสบการณ์ชีวิตก็ควรจะเป็นแบบอย่างของลูกหลานคนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการพูดผ่านสื่อสาธารณะและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ขอฝากถึงนางธิดาเกี่ยวกับการใช้คำพูดว่าควรใช้คำพูดสุภาพ เมื่อจะวิจารณ์ผู้อื่น การระบุว่าความเห็นของตนเลวทราม หรือสามานย์นั้น สะท้อนถึงจิตใจหรืออคติข้างใน ทั้งที่ควรใช้คำพูดที่สุภาพกว่านี้ ทั้งนี้ การมีสปิริตของคนในระบอบประชาธิปไตยต้องให้เกียรติความเห็นของผู้อื่น แม้ความเห็นนั้นจะถูกหรือผิด ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรวิจารณ์ ด่าบริภาษโดยใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้ ล้วนสะท้อน ถึงตัวตนและความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่

“ส่วนที่วิจารณ์ผมว่า อยากเข้าร่วมรัฐบาลและทิ้งอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ หรือสนับสนุนคณาธิปไตยและระบอบรัฎฐาธิปัตย์นั้น ก็เป็นการพูดบนข้อมูลพื้นฐานที่บกพร่อง เพราะผมไม่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรค การให้สัมภาษณ์สื่อของผมเป็นความคิดเห็นส่วนตัวผม ดังนั้นการวิจารณ์เช่นนี้ก็เป็นการที่เขาคิดเอาเอง ถามว่าเมื่ออยู่ในสภาฯคนที่อ้างเป็นนักประชาธิปไตย แต่กลับออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมสุดซอย ไม่รับฟังเสียงข้างน้อยที่มาจากประชาชนเช่นกัน ถูกต้องแล้วหรือ ผมไม่โยงถึงพรรคเพราะกระทบหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย  แต่การอ้างคำว่าประชาธิปไตยในแต่ละสถานการณ์ ที่มีบริบทต่างกัน มีความหมายต่างกัน เช่นเดียวกับประชาธิปไตยในระบบการปกครองของสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน หรือไทยก็มีความแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญคือคนในชาตินั้นๆ อย่างที่นางอลิซาเบธ วาเลน วุฒิสมาชิกสหรัฐฯว่าไว้  ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้เพราะกฎหมาย แต่ประเทศจะยังอยู่ได้ ก็ด้วยกำลังของพลเมืองดีที่ไม่ดูดาย และไม่ยอมแพ้ต่อคนชั่ว คนทุจริต ที่กัดกร่อนบ่อนทำลายประเทศชาติ” นายถาวร กล่าว

นายถาวร กล่าวอีกว่า การให้สัมภาษณ์ของตนถึงแนวทางที่ดีจะต้องรักษาประชาธิปไตยและความอยู่รอดของประเทศชาติเป็นหลัก แต่กลับการวิพากษ์ความเห็นแล้วนำไปโยงกับพรรค โดยไม่ดูการกระทำที่ผ่านมา ก็สะท้อนถึงอคติในจิตใจของผู้พูดในทำนองเดียวกันที่บอกว่าคนของระบอบทักษิณไม่ทุจริต เพราะมีการตั้งคณะกรรมการปราบทุจริตขึ้นในรัฐบาลยุคนั้นเช่นกัน แต่ตัวพ่อ ตัวแม่กลับหลบหนีไปต่างประเทศ ทิ้งลูกน้องให้ทยอยติดคุก จึงขอให้นางธิดาย้อนดูตัวเองก่อน