4 ก.ย.61 - พระครูโสภณ จริยานุวัตร อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดนาปราบ ต.นายาง อ.สบปราบ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เมธี ยั่งยืน สว.สอบสวน สภ.สบปราบ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมส่งคลิปภาพชายหญิงคู่หนึ่งให้สื่อมวลชนเพื่อนำไปเผยแพร่เตือนภัยพระวัดต่างๆ

พระครูโสภณ เล่าว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น.ได้มีชายหญิงคู่หนึ่งขับรถเก๋งฮอนด้าสีขาว ทะเบียน 3279 จำหมวดอักษร จังหวัดและรุ่นไม่ได้ เข้ามาพบที่วัด โดยบอกกับลูกศิษย์วัดว่าเป็นนายตำรวจอยู่ที่ สภ.สบปราบ จะนำของมาถวาย ลูกศิษย์จึงนำมาพบอาตมาที่กุฎิ โดยชายดังกล่าวมากันสองคนกับผู้หญิงรูปร่างขาวท้วม แต่งตัวดี ย้อมผมสีทอง ส่วนผู้ชายแต่งกายเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอมขายาว ตัดผมเกรียน โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ที่ สภ.สบปราบ ยศนายร้อยตำรวจตรี แต่ไม่ได้บอกว่าชื่อและนามสกุลอะไร จากนั้น ก็นำน้ำส้มมาถวายจำนวน 7 ขวด พร้อมชวนพูดคุยไปเรื่อย ซึ่งอาตมาก็สนทนาด้วย

ระหว่างคุยกันนั้นชายคนดังกล่าวพูดว่า จะต้องเดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อไปรับเบี้ยเลี้ยง ซึ่งต้องรีบไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางแต่เงินไม่พอ ซึ่งโยมที่เป็นผู้หญิงก็ช่วยพูดเสริม พร้อมสัญญาว่าวันที่ 3 ก.ย.จะรีบนำเงินมาคืนให้ โดยขอยืมเงินอาตมาจำนวน 10,000 บาท ซึ่งอาตมาเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะเดินทางไปรับเบี้ยเลี้ยง พร้อมทั้งเกิดความเมตตาสงสาร จึงหยิบเงินให้ไปเพราะคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง โดยไม่ได้ถามชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ไว้

หลังชายหญิงคู่ดังกล่าวกลับไปแล้ว อาตมาก็ได้รับไลน์จากเพื่อนพระด้วยกันที่อยู่วัดอื่นว่าให้ระวังมิฉาชีพจะอ้างตัวเป็นนายตำรวจและหลอกยืมเงินก่อน เชิดเงินหายไป ซึ่งก่อนหน้านี้พยายามก่อเหตุที่วัดบอมหลวง วัดบ้านเด่น วัดพระบาทแม่ไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านบอม และวัดอื่นๆในเขต อ.แม่ทะ อีกจำนวนเกือบ 10  วัด แต่วัดต่างๆได้รับการเตือนภัยทางไลน์ของเจ้าคณะ อ.แม่ทะ จึงไม่มีวัดใดให้ยืมเงิน เพราะก่อนหน้านี้มีการเตือนภัยเรื่องลักษณะดังกล่าวมาจากพระภิกษุในพื้นที่ จ.พะเยา ซึ่งแก๊งมิจฉาชีพนี้ได้ก่อเหตุไปก่อนหน้านี้

หลังรับแจ้งความร้องทุกข์แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุประสานพื้นที่ และด่านตรวจ อ.เถิน อ.แม่พริก และ อ.เกาะคา ช่วยสังเกตพร้อมสกัดจับรถคันดังกล่าว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่าก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะแจ้งสกัด ได้มีรถเก๋งลักษณะตรงกับที่รับแจ้ง ผ่านจุดตรวจ ของ สภ.เถิน มุ่งหน้าไปทาง อ.แม่พริก โดยพบว่าภายในรถมีชายสองคนหญิงสองคน ซึ่งอ้างตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจว่าเป็นนายทหารกำลังรีบเดินทางไปปฏิบัติราชการ และรีบขับรถออกไปจากด่านตรวจอย่างเร่งด่วน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วิทยุสกัดจับแต่ไร้วี่แวว ซึ่งคาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้ น่าจะยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้มากันเป็นแก๊งรวมทั้งหมด 4  คน เป็นชายสองคน หญิงสองคน ซึ่งจะแบ่งกันก่อเหตุครั้งละ 2 คน ส่วนมากจะตระเวนไปตามวัดที่อยู่นอกตัวเมือง และเมื่อได้เงินแล้ว ก็จะรีบออกจากวัดไปและไปก่อเหตุวัดอื่นๆอีก

จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ได้ร่วมกันหลอกลวงพระภิกษุตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พะเยา และล่าสุด ที่ จ.ลำปาง สำหรับป้ายทะเบียนรถ ของคนร้าย เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นป้ายทะเบียนจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป