ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกคำร้อง'โบว์-กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง'ค้านฝากขังคดีชุมนุม 4 ปี คสช.


เพิ่มเพื่อน    

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ผู้ต้องหาคดีชุมนุมทางการเมือง ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอาญาที่อนุญาตให้ฝากขัง นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 26 ปี พร้อมพวกแกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง รวม 15 คน ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นจากการชุมนุมที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ และหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวาระครบรอบ 4 ปี รัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 21-22 พ.ค. 2561
 

โดยในวันนี้ น.ส.ณัฏฐา เปิดเผยหลังฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่า วันนี้มาฟังคำตัดสินคดีที่ตนอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งให้ฝากขังเราในคดีชุด UN62 ซึ่งมีผลให้เราถูกสั่งฝากขังทั้งที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่ควรเป็น และต้องใช้เงินถึง 1.5 ล้านบาทในการประกันตัวทุกคน โดยในวันนี้ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขังผู้ต้องหาทั้ง 15 โดยพิจารณาว่าการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงมีเหตุที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอฝากขังในระหว่างศาลกับพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นผู้ร้อง และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 87 นั้น เป็นบทบัญญัติที่มุ่งหมายให้เป็นอำนาจศาลชั้นต้นที่จะตรวจสอบและพิจารณาสั่งโดยเฉพาะ เมื่อมีคำสั่งใดๆ แล้วผู้ต้องหาที่ 9 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ต้องหาที่ 9 นั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ต้องหาที่ 9
 

น.ส.ณัฏฐา กล่าวต่อไปว่า ตรงนี้จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เราไม่มีสิทธิโต้แย้งให้คำสั่งที่เราเห็นว่ามีปัญหาได้รับการพิจารณาตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม ส่วนเรื่องที่จะฎีกาคำสั่งต่อหรือไม่ ก็คงจะขอปรึกษาทีมทนายความ แต่คิดว่าเราคงยื่นฎีกาต่อ เพื่อให้มีโอกาสโต้แย้งครบถ้วนก่อนมีคำสั่งถึงที่สุดให้เป็นบรรทัดฐาน และเป็นประเด็นที่จะเป็นประโยชน์กับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะไม่ควรมีอำนาจใดที่ตรวจสอบไม่ได้ แต่มีผลกับสิทธิเสรีภาพประชาชน
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ผู้ต้องหาทุกคนได้รับการประกันตัวทุกคน โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์คดีนี้สรุปว่า ก่อนการชุมนุมวันที่ 21-22 พ.ค. 2561 นายรังสิมันต์ กับพวก ได้ชักชวนด้วยการปราศรัยและโพสต์เฟซบุ๊กนัดหมายให้กลุ่มมวลชนมารวมตัวกันทำกิจกรรม “22 พฤษภา เราจะหยุดระบอบ คสช.” ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 21-22 พ.ค. 2561 โดยเมื่อวันที่ 21 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ชุมนุมเริ่มรวมตัวกันบริเวณสนามฟุตบอล ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีนายวิเศษณ์ ผู้ต้องหาขับรถกระบะเข้ามาในมหาวิทยาลัย กลุ่มมวลชนได้นำเครื่องขยายเสียงมาติดตั้งบนรถดังกล่าว ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. มหาวิทยาลัยได้ปิดล๊อคประตู 3 ฝั่งสนามหลวง แล้วนายนิกร ผู้ต้องหาได้นำคีมมาตัดกุญแจที่ปิดล๊อคประตู เพื่ออำนวยความสะดวกให้มวลชนผู้ชุมนุม แล้วในช่วงเวลา 17.40 น. เป็นต้นไป นายสิรวิชญ์, นายรังสิมันต์, น.ส.ณัฏฐา, นายประสิทธิ์, นายวันเฉลิม และนางศรีไพร สลับกันปราศรัยโจมตีรัฐบาลและ คสช.ว่ามีการทุจริต ใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม เลื่อนการเลือกตั้ง พยายามยุยงปลุกปั่นให้เกิดการขับไล่รัฐบาล คสช.อย่างชัดเจน
 

ต่อมาวันที่ 22 พ.ค. 2561 เวลา 9.00 น. นายรังสิมันต์ ปราศรัยเรียกผู้ชุมนุมเดินเท้าจาก ม.ธรรมศาสตร์ ไปทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม โดย พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผู้ดูแลการชุมนุมแจ้งว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และได้มีการร้องทุกข์ไว้แล้ว ให้เลิกการชุมนุม แต่นายรังสิมันต์กับพวกไม่เลิก นำผู้ชุมนุมประมาณ 50-100 คน ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับสั่งให้รถขยายเสียงชนแผงที่กั้นเพื่อจะได้เดินออกไปได้ แต่เมื่อไม่เป็นผล นายรังสิมันต์พร้อมพวกจึงประกาศยุติการชุมนุมและมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในขณะเดียวกันยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน เคลื่อนย้ายออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ มาตาม ถ.หน้าพระธาตุ เพื่อไปทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ทราบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเลิก ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. น.ส.ณัฏฐา, น.ส.ชลธิชา, นายอานนท์ และนายเอกชัย แกนนำได้นำผู้ชุมนุมประมาณ 50-60 คน เคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นมาตาม ถ.ราชดำเนิน ถึงบริเวณก่อนขึ้นสะพานมัฆวานฯ เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้เลิกชุมนุมฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเลิกและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุม น.ส.ณัฏฐา, น.ส.ชลธิชา, นายอานนท์, นายเอกชัย, นายพุทไธสิงห์, นายคีรี, นายประสงค์, นายโชคชัย, นายภัทรพล และนายวิโรจน์
 

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) (3), ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือมีหน้าที่สั่งการ ตามมาตรา 215 (1) (3), เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกชุมนุมแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 216
 

ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12, ร่วมกันเดินขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันชุมนุมสาธารณะในลักษณะกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือ การใช้บริการสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐฯ, ร่วมกันชุมนุมสาธารณะในระหว่างมีคำสั่งห้ามชุมนุมฯ และร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมฯ โดยไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานที่ดูแล รวมทั้งยุยงส่งเสริมผู้ชุมนุมให้ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ กับขัดขวางหรือกระทำการใดอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานฯ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 8 (1) (3), 15 (2) (4) (5), 16 (1) (4) (7) (9), 19 และความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108, 114
 

โดยนายรังสิมันต์, นายสิรวิชญ์, นายปิยรัฐ, น.ส.ณัฏฐา, น.ส.ชลธิชา, นายอานนท์ และนายเอกชัย ถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เหตุเกิดที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม., ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอดและแขวงบวรนิเวศ และบริเวณด้านหน้าอาคารยูเอ็น ถ.ราชดำเนินนอก แขวงขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
 

สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 15 เรียงตามลำดับประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 26 ปี, นายปิยรัฐ จงเทพ อายุ 27 ปี, นายนิกร วิทยาพันธุ์ อายุ 56 ปี, นายวิเศษณ์ สังขวิศิษฎ์ อายุ 61 ปี, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 25 ปี, นายอานนท์ นำภา อายุ 34 ปี, นายเอกชัย หงส์กังวาน อายุ 43 ปี, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา อายุ 39 ปี, นายพุทไธสิงห์ พิมพ์จันทร์ อายุ 61 ปี, นายคีรี ขันทอง อายุ 49 ปี, นายประสงค์ วางวัน อายุ 55 ปี, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ อายุ 42 ปี, นายภัทรพล จันทรโคตร อายุ 55 ปี และนายวิโรจน์ โตงามรักษ์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"