4 ก.ย.61- สื่อข่าวรายงานว่า รศ.มาลิณี จุโฑปะมา รักษาราชการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ นายพลกฤต เนาว์ประโคน กรรมการสภา ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะทนายความ พร้อมด้วยคณะกรรมการสภาฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ รวมจำนวน 8 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประจักษ์ คำนาค พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิดกับ ผศ.ปัญญา เจริญพจน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ อดีตผู้สมัครเข้ารับการสรรหา ในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กับสื่อหนังสือพิมพ์ ออนไลน์ ฉบับหนึ่ง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ผศ.ปัญญา เจริญพจน์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ และกรรมการสภา ได้ดำเนินการจัดประชุมสภามหาวิทยาลัย แล้วลงมติเพื่อเลือก นางสาวมาลิณี จุโฑปะมา ให้เป็นอธิการบดี ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก นางสาวมาลิณี จุโฑปะมา เป็นบุคคลที่มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์แล้ว
เพราะการแต่งตั้งอธิการบดีตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 นั้น กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภา ต้องดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 29 ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และตำแหน่งอธิการบดีเป็นตำแหน่งตามมาตรา 18 (ข) (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และต้องไม่เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 โดยมาตรา 19 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน กำหนดให้ข้าราชการที่อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติดังกล่าว อันเป็นพ้นจากราชการเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งมีแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561
ร.ศ.มาลิณี ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีที่อาจารย์คนดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ กระทั่งมีการนำเสนอข่าวเผยแพร่ออกไปตามสื่อต่างๆ นั้น เกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏุรีรัมย์ โดยกล่าวหาว่า นายกสภาฯ คณะกรรมการสภาฯ ได้มีการดำเนินการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ ให้การสรรหาอธิการบดี ให้ตนเอง รศ.มาลิณี ได้รับการสรรหาแต่งตั้งเป็นอธิการบดีฯ อีกสมัย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นการให้ความเท็จ
“ขอยืนยันว่า การดำเนินการสรรหาดังกล่าว ได้มีการดำเนินการเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ ในระเบียบเกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดีทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นนายกสภา กรรมการสภา ได้ดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่มหาวิทยาลัย การที่อาจารย์คนดังกล่าว ระบุว่าตัวอาจารย์เองนั้น เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่ได้รับการเสนอชื่อ จริงๆ แล้วได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่สภา แต่ไม่ได้รับคะแนนในการสรรหา และจากการประชาคมอาจารย์คนดังกล่าวได้รับเพียงคะแนนเดียว” รักษาราชการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กล่าว
ด้าน นายพลกฤต เนาว์ประโคน กรรมการสภา ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะทนายความ กล่าวว่า กรณีการกล่าวหาว่านายกสภา และกรรมการสภา ได้มีการสรรหาอธิการบดีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำให้นายกสภา และคณะกรรมการสภา รักษาราชการแทนอธิการฯ รวมถึงมหาวิทยาลัย เสียชื่อเสียง และได้รับความเสียหาย ซึ่งการสรรหาอธิการนี้ ทางสภาไม่ได้ทำด้วยอำเภอใจ แต่เป็นการดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการสรรหา จากผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพิจารณาในทุกขั้นตอน ซึ่งชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นไปตามที่อาจารย์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยลงสมัครชิงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังรับแจ้งไว้แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะตรวจดูเอกสารว่าเป็นเรื่องอะไร ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร และมีความผิดตามข้อกฎหมายมาตราใด พระราชบัญญัติใดบ้าง ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียด และยังไม่สอบคำให้การจากผู้ร้อง หลังจากนี้จะศึกษาข้อเท็จจริงและกฎหมายก่อนจะเรียกผู้ร้องมาให้การอีครั้งหนึ่ง โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |