"บิ๊กอู๋" เดินหน้าปรับเพดานเงินประกันสังคมจาก 750 บาทเป็น 1,000 โวได้สิทธิประโยชน์ เพิ่มเงินบำนาญชราภาพ ตั้งเป้าผลักดันแรงงานนอกระบบเข้ามาเป็นผู้ประกันตนเพิ่มอีก 2-3 ล้านคนในปี 62 บริหารกองทุนให้มีประสิทธิภาพ เรียกความเชื่อมั่นจากผู้ประกันตน พร้อมปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้เหมาะสม
ที่สำนักงานประกันสังคม จ.นนทบุรี วันที่ 3 กันยายน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ครบรอบ 28 ปีว่า ตลอด 28 ปีของ สปส.มีความก้าวหน้าอย่างมาก เช่น พัฒนารูปแบบการให้บริการกรณีทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย, เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจาก 400 บาท เป็น 600 บาทต่อเดือน, เพิ่มค่าฝากครรภ์กรณีคลอดบุตร, เพิ่มสิทธิประโยชน์และค่าทดแทน โดยจัดทำร่างแก้ไข พ.ร.บ.เงินทดแทน (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เห็นชอบแล้ว เตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2561 เป็นต้น
รมว.แรงงานกล่าวว่า สำหรับก้าวต่อไปของ สปส.ที่ตนมอบนโยบาย คือ 1.เพิ่มจำนวนผู้ประกันตนเข้ามาในระบบให้มากขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ประกันตนประมาณ 15 ล้านคน ส่วนแรงงานนอกระบบซึ่งมี 22 ล้านคน แต่เข้ามาเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพียง 2.5 ล้านคน โดยปี 2561 เข้าสู่ระบบประมาณกว่า 3 แสนคน ซึ่งปี 2562 ตั้งเป้าไว้ต้องเพิ่มอีก 2-3 ล้านคน ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จะเป็นผู้ใดก็ได้ที่มีอายุ 15-60 ปี ไม่เคยเป็นลูกจ้างตามมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ประกอบอาชีพอิสระ และไม่เป็นผู้ทุพพลภาพในปัจจุบัน ซึ่งต้องการให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมาก เพราะจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีมาก ทั้งการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ ชราภาพ สงเคราะห์บุตร เป็นไปตามหลักยุทธศาสตร์ 20 ปีด้านแรงงาน ส่วนเจ้าหน้าที่ประกันสังคมจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานให้สอดคล้องกับภาระงาน
2.บริหารกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลตอบแทนต่างๆ ต้องมีประสิทธิภาพเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ประกันตน ซึ่งยืนยันว่าการลงทุนนั้นมีความโปร่งใส มีคณะกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยแต่ละปีได้ผลตอบแทนหลายหมื่นล้านบาท โดยปี 2560 ได้ผลตอบแทน 5.8 หมื่นล้านบาท
3.การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องผู้สูงอายุ การสงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ หรือมาตรฐานสถานบริการ และ 4.การเข้าถึงบริการที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีต้องทันสมัย และระบบออนไลน์ต่างๆ
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการปรับเพดานอัตราการจ่ายเงินสมทบจากฐานเงินเดือน 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท หรือเก็บจาก 750 บาท เป็น 1,000 บาทนั้น พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าจะต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่การจะปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสมทบนั้น จะต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกันตนด้วย โดยเฉพาะการปรับเพิ่มแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรมากขึ้นแก่ผู้ประกันตน เช่น ได้เพิ่มเงินบำนาญชราภาพ เป็นต้น
"หากยังมีความเห็นต่างกันอยู่ หรือยังมีคนรู้สึกว่าเดือดร้อนกับเรื่องนี้ จะยังไม่ดำเนินการหรือยังไม่เสนอรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ตัวแทนฝั่งนายจ้างและลูกจ้างช่วยไปสื่อสารแล้ว ส่วนเรื่องการขยายอายุเกษียณการทำงานเดินหน้าไปพร้อมกัน แต่อันไหนพร้อมก่อนก็ดำเนินการก่อน" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว
ด้านนายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมได้มีการยกระดับการให้บริการผู้ประกันตนในระบบ e-Services เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตนในรูปแบบที่หลากหลาย พร้อมบูรณาการให้ทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนพัฒนางานประกันสังคมให้ครอบคลุมทุกระดับ บริการประทับใจ ก้าวล้ำทันสมัย สู่ไทยแลนด์ 4.0.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |