“ภูมิธรรม” ตีมึนบอกเพิ่งรู้ชื่อ “ณัฐพงศ์” เป็นตัวเต็งคุมเพื่อไทย บอกต้องรอหลังปลดล็อกจะชัดเจนทันที “สมุน” ยกมือเชียร์รับเทรนด์คนรุ่นใหม่ เมืองย่าโมเดือดก่อนเลือกตั้ง “แรมโบ้อีสาน” ขนชาวบ้านร้อง กกต.จังหวัดซัดว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทยจ้าง อสม.กว้านซื้อบัตรประชาชน ร้องยุบพรรค “ศุภชัย” ฉุนขู่ฟ้องกลับสุภรณ์ทุกข้อหา เพื่อแม้วร่วมขย่มเตรียมยื่นข้อมูลให้ กกต.
เมื่อวันจันทร์ยังคงมีกระแสกรณีการเปิดชื่อนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา (คุณากรวงศ์) ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท.กล่าวเรื่องนี้ว่า เวลานี้พรรคยังไม่ได้พิจารณารายละเอียดชื่อว่าจะเลือกใครหรือชื่อไหนมาเป็นหัวหน้า แต่ก็มีลักษณะที่คนนั้นคนนี้ชอบใครเชียร์ใครก็เสนอชื่อขึ้นมา ส่วนในพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้ กำลังอยู่ในกระบวนการดำเนินการสอบถามความเห็นต่างๆ ซึ่งแกนนำพรรคหรือภายในพรรคยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้
“เห็นมีสื่อเสนอ แต่ภายในพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้เลย มีแต่การให้ทุกคนเสนอความเห็นมา แล้วเราก็จะนำมาพิจารณาร่วมกัน ก็มีคนเสนอคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด” นายภูมิธรรมกล่าวตอบถึงชื่อนายณัฐพงศ์
ถามว่าแสดงว่าเป็นไปได้ที่นายณัฐพงศ์จะมาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าเพิ่งได้ยินวันนี้ ส่วนการคัดเลือกหัวหน้าพรรคจะทำหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คลายล็อก เราจะเริ่มดำเนินการในส่วนนี้ทันที
ส่วนนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พท.กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเป็นเพียงกระแสข่าว นายณัฐพงศ์จะได้เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ต้องรอมติจากที่ประชุมพรรค ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ถ้า คสช.คลายล็อกเมื่อไหร่เรื่องหัวหน้าพรรคจะชัดเจน
“ถ้ามติพรรคเลือกนายณัฐพงศ์ ผมก็ยอมรับและคิดว่าเขาคงทำงานการเมืองได้ เพราะนอกจากหัวหน้าพรรคแล้วยังมีทีมงานทั้งเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคช่วยทำงาน และตอนนี้กระแสคนรุ่นใหม่กำลังมาแรงเห็นได้จากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง” นายอำนวยกล่าว
ขณะที่ไทยรัฐออนไลน์ระบุถึงการสัมภาษณ์ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท.ที่อาจเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปช่วยงานการเมืองนายณัฐพงศ์ ว่าตอนนี้ยังทำหน้าที่เป็นทีมทนายความให้นายพานทองแท้ ชินวัตรอยู่ และไม่รู้ว่าตนเองมีชื่อติดด้วย ต้องขอไปดูข่าวก่อน จึงจะให้คำตอบได้ว่าหากได้รับการทาบทามจริงจะเข้าร่วมงานหรือไม่
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ อ.ครบุรี ประมาณกว่า 20 คน นำโดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิดเข้าร้องเรียนกับ กกต.นครราชสีมา พร้อมรายชื่อชาวบ้านกว่า 40 รายชื่อ และหลักฐานภาพถ่ายร้องเรียนผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยมีนายศิริชัย วิริยพงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดนครราชสีมา และผู้เกี่ยวข้องมารับหนังสือ
ทั้งนี้ การร้องเรียนมีเนื้อหาระบุว่ามีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่า พ่อค้าเจ้าของกิจการโรงงานแป้งมันรายใหญ่ในพื้นที่ อ.เสิงสาง, ส.จ.เขต อ.ครบุรีคนหนึ่ง และว่าที่ผู้ประกาศตนลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยได้ฝ่าฝืนจงใจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามดำเนินการเคลื่อนไหวหาเสียงทางการเมือง และจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และมีการเจตนากระทำผิด โดยจ้างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เก็บบัตรประชาชน โดยให้ค่าตอบแทนใบละ 50-100 บาท โดยนำไปอ้างว่าสมัครสมาชิกพรรคและหลอกล่อให้ความหวังว่าจะมีค่าตอบแทนให้เจ้าของบัตรภายหลัง และนำประชาชนในพื้นที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด เป็นการหาเสียงให้ตนเองและพรรค ภท. ซึ่งทั้งสองคนได้ให้ อสม.ทุกหมู่บ้านเก็บบัตรประชาชนนำมาแลกเงินที่โรงงานใหญ่แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เสิงสาง และร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ครบุรี โดยมีภริยาของว่าที่ผู้สมัครเป็นผู้จ่ายเงิน
นายสุภรณ์กล่าวว่า ที่มาร้องเรียนเพราะต้องการเห็นการเมืองบริสุทธิ์โปร่งใส ต้องการปฏิรูปการเมือง นี่ไม่ทันไรเอาเงินไปจ่ายเพื่อเตรียมทำบัตรสมาชิก ล่อลวงใจชาวบ้านแล้ว อย่างนี้เป็นการท้าทายกฎหมายเลือกตั้ง จึงต้องเอาพยานและหลักฐานต่างๆ มาร้องเรียน เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแนวร่วมทางการเมืองใดๆ ที่เกี่ยวกับรัฐบาลและ คสช.ทั้งสิ้น
แรมโบ้แฉยิบซื้อเสียง
นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้กฎหมายพรรคการเมืองยังไม่โปรดเกล้าฯ ลงมา ถึงจะเป็นการเตรียมการก็ยังทำไม่ได้ การทำลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อสมัครสมาชิกพรรคการเมือง และถือเป็นการนำบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเตรียมซื้อเสียงในภายภาคหน้าหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ทำในทุกอำเภอ ทุกเขตเลือกตั้งของ จ.นครราชสีมา เหมือนเป็นเทศกาลหาเสียงเลือกตั้งใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังผิดคำสั่ง คสช.ที่ยังไม่ได้มีการปลดล็อก ผมจึงอยากให้ กกต.ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อมูลที่แท้จริง
“ขณะที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ก็ยังมีการระดมพี่น้องชาว ต.ลำเพียก อ.ครบุรี ที่สวนอาหารต้นยาง มีว่าที่ผู้สมัครพรรคดำเนินการ มีการจ่ายเงินค่าตอบแทน ส่วนช่วงบ่ายก็นัดชาว ต.โคกกระชาย เพื่อมาจ่ายเงิน พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งหลักฐานมีหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเป็นการเตรียมการเพื่อที่จะซื้อสิทธิ์ ทุจริตเลือกตั้งล่วงหน้า” นายสุภรณ์กล่าว
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า ถ้า กกต.จังหวัดนครราชสีมาส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าพบว่าเป็นการทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง และผิดกฎหมายการเลือกตั้งจริง ก็อยากให้เสนอเรื่องไปถึง กกต.ส่วนกลางให้ดำเนินการต่อไป และไม่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องนิ่งดูดายกับเรื่องนี้ อย่าให้มีการท้าทายกฎหมายบ้านเมือง เพราะต้องการเห็นการเมืองมีความบริสุทธิ์โปร่งใส ไม่อยากเห็นการทุจริตการเลือกตั้ง และอยากให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเมือง
แรมโบ้อีสานยังกล่าวถึงกรณีรองโฆษกพรรค พท.หรือนายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พท.กล่าวว่านครราชสีมาซื้อเสียงเก็บบัตรประชาชน ว่ารับผิดชอบเขต อ.ครบุรีและเสิงสาง ส่วนเขตอื่นๆ จะมีหลักฐานเหมือนตนเองหรือไม่ ถึงต้องบอกไปถึงพรรคเพื่อไทย ว่าการที่จะแถลงข่าวอะไรขอความกรุณาช่วยมีหลักฐานด้วย อย่าสาดโคลนใส่ คสช. ใส่รัฐบาล ใส่นายกรัฐมนตรี และใส่โครงการดีๆ อย่างบัตรประชารัฐหรือบัตรคนจน
“การให้สัมภาษณ์แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นมันไม่ได้ ยุคนี้การพูดอะไรมันต้องมีหลักฐาน การพูดอะไรมันต้องโชว์หลักฐาน วันนี้อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยยังไม่หาหลักฐานอะไรได้สักชิ้นเลย ตรงนี้อยากให้บรรดาคนที่จะเล่นการเมืองในโคราช หรือว่าที่ ส.ส.ทำการเมืองรุ่นใหม่ วิธีการใหม่ ปฏิรูปการเมืองใหม่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการที่จะช่วย กกต.นครราชสีมาจับคนที่จะทุจริต ช่วยบ้านช่วยเมืองชาวโคราช ได้นักการเมืองดี ไม่ใช่นักการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าต่อไปในอนาคต” นายสุภรณ์กล่าว
นายศิริชัย วิริยพงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า กกต.ได้รับเรื่องที่นายสุภรณ์นำมายื่นไว้พิจารณา พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัดลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรจะรายงานให้ กกต.กลางและเลขาธิการ กกต.ทราบต่อไป แต่ต้องขอเวลาทำงานสักระยะหนึ่งก่อน และต้องเรียนว่าตามข้อกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีผลใช้บังคับ ส่วนการรวบรวมบัตรประชาชนอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ส่วนเรื่องที่จะมีการให้ร้ายหรือใส่ร้ายพรรคการเมืองคู่แข่ง เราก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ เราเป็นกลาง สุจริตอยู่แล้ว เรายืนยันให้เชื่อมั่นใจการทำงานของ กกต.จังหวัด เราไม่ได้เป็นเครื่องมือให้ใคร ถ้าที่สุดผิดก็ต้องผิด ถ้าพยานหลักฐานไม่ผิดก็ไม่ผิด และอยากให้ช่วยกันสอดส่องดูแลชี้ช่องเบาะแส เพราะกฎหมายใหม่ที่ออกมามีเงินรางวัลให้ผู้ชี้ช่องเบาะแสอยู่แล้ว ซึ่งเดิมไม่มี” นายศิริชัยกล่าว
ภูมิใจไทยขู่ฟ้องกลับ
นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค ภท.กล่าวเรื่องนี้ว่า พรรคไม่ได้กระทำการใดๆ ตามที่นายสุภรณ์ร้องเรียน ซึ่งคำร้องเรียนดังกล่าวเป็นความเท็จเป็นการใส่ร้ายป้ายสีพรรค ส่วนที่กล่าวหานายพรชัย อำนวยทรัพย์ และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งสองเป็นผู้เสนอตัวสมัครเป็น ส.ส.กับพรรคในการเลือกตั้งที่จะถึง แต่พรรคยังไม่ได้พิจารณาและยังไม่เป็นสมาชิกพรรค
“จากการสอบถามบุคคลทั้งสอง ทราบว่ากรณีที่กล่าวหาว่ามีการไปหาสมาชิกพรรคนั้น ความจริงแล้วมีผู้ที่สนับสนุนบุคคลทั้งสองในพื้นที่ได้ตระเตรียมการไว้ก่อนเพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค เมื่อทางราชการอนุญาตจะได้ดำเนินการต่อไปได้ แต่ทั้งหมดเป็นด้วยความสมัครใจ ไม่มีการเสนอผลประโยชน์เป็นเงินให้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้กระทำฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.หรือกฎหมายใดๆ และการดำเนินการดังกล่าวนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรค พรรคไม่เคยสั่งการใดๆ ให้กระทำ การร้องเรียนของนายสุภรณ์เป็นความเท็จ” นายศุภชัยกล่าวและว่า พรรคจะดำเนินคดีกับนายสุภรณ์ในทุกข้อหา และผู้สนับสนุนให้นายสุภรณ์กระทำผิด และทราบว่าผู้ถูกใส่ร้ายทั้งสองคนก็จะดำเนินคดีด้วย
ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท.กล่าวเรื่องนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีการรวบรวมบัตรประชาชนของ อสม.และของประชาชนทั่วไปหลายรูปแบบ ทั้งรวบรวมบัตรประชาชนเพื่อสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทยเหมือนที่นายสุภรณ์ระบุ รวมถึงอ้างกับประชาชนว่าจะรวบรวมบัตรประชาชนเพื่อไปรับเงินในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และสมัครเข้าพรรคการเมืองที่กลุ่มการเมืองซึ่งประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ อีกสมัยจะไปสังกัด
“เราไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก เพียงแต่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ กกต.ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นผู้ตรวจสอบชี้ขาด ขณะนี้ กกต.ส่วนกลางขอข้อมูลมาแล้ว เราพร้อมให้ข้อมูล มีหลักฐานชัดเจน จะมาว่าไม่มีข้อมูลไม่ได้ เพราะข้อมูลที่นายสุภรณ์ออกมาเปิดเผยนั้นตรงกับที่เปิดเผยไปก่อน แต่ของผมมีมากกว่า หาก กกต.ต้องการหลักฐานอะไรพร้อมมอบให้ กกต.เพื่อพิจารณาต่อไป”นายอนุสรณ์กล่าว
มีรายงานในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 09.30 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายโกศล ปัทมะ และนายอนุสรณ์จะเดินทางไปยังสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ขอให้ตรวจสอบการทุจริตซื้อเสียงล่วงหน้าใน จ.นครราชสีมา
ที่สำนักงาน กกต. นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการมีหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดให้เตรียมเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า เป็นการเตรียมการไว้สำหรับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาช่วงกลางเดือน ก.ย. และหากมีการเลือกตั้งตามที่นายกฯ ได้ประกาศไว้ว่าจะเป็นช่วง ก.พ.62 รวมถึงการทำไพรมารีโหวตก็ต้องมีข้อมูลการแบ่งเขตก่อน ซึ่ง กกต.ใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของปี 2559 ที่มีการสรุป ณ วันที่ 31 ธ.ค.60 ดำเนินการคำนวณ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของจำนวนราษฎรรายอำเภอ ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวน ส.ส.แต่ละเขตมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงได้มีการประสานไปยังผู้อำนวยการสำนักทะเบียนกลางราษฎรขอทราบข้อมูล และได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งว่าจำนวนราษฎรล่าสุดจะมีผลทำให้ค่าเฉลี่ยกลางเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
แบ่งเขตจบ พ.ย.
"เรื่องที่ทำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่กระบวนการไพรมารีโหวต ถ้า คสช.ออกคำสั่งมาตรา 44 ให้ กกต.แบ่งเขตได้ เราก็จะใช้ข้อมูลราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.60 เป็นหลัก และคาดว่าประมาณกลาง พ.ย.เรื่องการแบ่งเขตต้องแล้วเสร็จ และเข้าสู่กระบวนการไพรมารีโหวตได้" นายณัฏฐ์กล่าว
รองเลขาธิการ กกต.ยืนยันว่า การแบ่งเขตทั้งรูปแบบที่แต่ละจังหวัดจะดำเนินการ 80% จะเป็นการแบ่งตามโซนของอำเภอ เว้นแต่บางอำเภอที่มีเทศบาลนครและชุมชนหนาแน่นก็อาจต้องแบ่งอำเภอออกเป็น 2 เขต แต่จะไม่มีการแบ่งตำบล และยึดหลักไม่กระทบกับความคุ้นเคยพื้นที่ของประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลขยับวันเลือกตั้งจากเดือน ก.พ.62 ไปเป็น พ.ค.62 เขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.จะยังคงเดิมหรือไม่ นายณัฏฐ์กล่าวว่า นายกฯ ระบุแล้วว่าช่วงเวลาของการเลือกตั้งเร็วที่สุดคือ ก.พ. ช้าที่สุดคือ พ.ค. ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทยจะแจ้งเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรแต่ละปีในช่วง มี.ค.ของปีถัดไป ดังนั้นหากวันเลือกตั้งเป็นเดือน พ.ค.62 ก็ต้องมีการแบ่งเขตใหม่ตามประชากรที่ประกาศใหม่ ซึ่งก็จะดันให้ทุกอย่างขยับออกไปอีก 60 วัน
ขณะเดียวกัน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เดินทางเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหารือกันประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง โดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจทางการเมือง หลังมีกระแสข่าวจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีและเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนจะประชุมพรรคในวันที่ 15 ก.ย. ขณะเดียวกันในเดือน ก.ย.นี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุว่าจะประกาศท่าทีทางการเมืองที่ชัดเจน โดยทั้งสองคนกล่าวว่าไม่ทราบว่านายกฯ จะประกาศท่าทีอย่างไร ส่วนการเข้าพบนายสมคิดนั้น นายอุตตมกล่าวทีเล่นทีจริงแบบติดตลกว่า "มาเป็นคู่ก็ไปเป็นคู่".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |