พาณิชย์ยิ้มประชุมรัฐมนตรี RCEP ลงตัวหลังยืดเยื้อมา 5 ปี


เพิ่มเพื่อน    

 

ประชุม RCEP สำหรับเคลียร์ประเด็นหลักจบ หลังยืดเยื้อมากว่า 5 ปี ผลักดันเปิดตลาดสินค้า บริการ การลงทุน รวมถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้ปีนี้เกิดแน่


น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 6 ที่สิงคโปร์ ว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ระดับรัฐมนตรีตกลงกันได้ในประเด็นหลักที่มีความสำคัญกับอนาคตของการเจรจา โดยเฉพาะใน 6 เรื่องสำคัญ คือ การจัดทำข้อผูกพันการเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุน การจัดทำข้อบทเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การเจรจาที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 ปี มีแนวโน้มที่จะเจรจาสำเร็จได้ภายในปีนี้ โดยทุกคนเห็นพ้องกันว่าท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่เป็นแบบนี้ การเจรจา RCEP จะต้องจบ หากการเจรจาไม่จบ ปีหน้าเสี่ยงที่จะมีปัญหา เพราะหลายประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

“หลังการประชุมครั้งนี้ ผู้เจรจาในระดับเทคนิคจะต้องไปหารือกันต่อ โดยกำหนดให้สมาชิกยื่นข้อเสนอการเปิดตลาดสินค้า บริการและการลงทุนภายใน 28 ก.ย.นี้ ควบคู่ไปกับการหารือสองฝ่าย จากนั้นสิงคโปร์จะนัดหารือระดับรัฐมนตรีครั้งพิเศษต้นเดือนต.ค. เพื่อติดตามผล และให้สมาชิกยื่นข้อเสนอฉบับสุดท้ายใน 15 ต.ค. และจะนัดประชุมคณะเจรจาเต็มคณะในวันที่ 21-27 ต.ค.ที่นิวซีแลนด์ เพื่อสรุปผลให้ระดับรัฐมนตรีและผู้นำ RCEP ในเดือนพ.ย.2561”

น.ส.ชุติมา กล่าวว่า รายละเอียดในด้านการเปิดตลาดสินค้า ได้ข้อสรุปโดยอาเซียนกับคู่เจรจาที่มี FTA ระหว่างกัน จะมีการลดภาษีในสัดส่วน 90-92% ของรายการสินค้าทั้งหมด ส่วนประเทศที่ไม่มี FTA ระหว่างกัน เช่น จีนกับอินเดีย ญี่ปุ่นกับอินเดีย และจีนกับญี่ปุ่น จะลดภาษีในสัดส่วน 86% และในจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดข้างต้น สมาชิกจะต้องลดภาษีเหลือ 0% ทันทีสัดส่วน 65% โดยให้มีรายการสินค้าที่ไม่ลดภาษีได้ไม่เกิน 1% สำหรับอาเซียนและคู่เจรจาที่มี FTA ระหว่างกัน ส่วนประเทศที่ไม่มีFTA ระหว่างกัน รวมแล้วจะต้องไม่เกิน 5% โดยรายการสินค้าที่อ่อนไหว สามารถกำหนดระยะเวลาในการลดภาษีนานขึ้นได้ แต่ไม่ควรจะเกิน 15-20 ปี หรือน้อยกว่านี้

สำหรับการเปิดตลาดการค้าบริการ ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอการเปิดเสรี โดยเห็นด้วยกับการให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิก RCEP โดยอัตโนมัติ หากสมาชิกไปทำความตกลงกับประเทศนอก RCEP สูงกว่าที่ให้ใน RCEP และกรณีในอนาคตจะมีการแก้ไขกฎหมายภายในดีขึ้นกว่าที่ผูกพันไว้ในการเปิดเสรี ก็ต้องให้แก่สมาชิก RCEP ด้วย รวมทั้งได้ตกลงที่จะเปิดเสรีในทันทีในสาขาบริการไม่ต่ำกว่า 100 สาขาย่อย จากทั้งหมด 12 สาขาหลัก เช่น ขนส่ง โทรคมนาคม เป็นต้น

ส่วนการเปิดเสรีการลงทุน ได้เห็นชอบกับการปรับปรุงข้อสงวนและมาตรการด้านการลงทุน โดยให้มีการระบุให้ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง ไม่ใช่เขียนไว้ครอบคลุม และยังเห็นด้วยกับการไม่กำหนดเงื่อนไขในการเข้ามาลงทุน เช่น การกำหนดให้ผู้ลงทุนต้องมีสำนักงานใหญ่ในประเทศที่เข้าไปลงทุน และกำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุดิบในประเทศ เป็นต้น

ขณะที่เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเคยเป็นประเด็นอ่อนไหวและมีปัญหาในการเจรจา ที่ประชุมตกลงที่จะไม่เอาประเด็นเรื่องการชดเชยระยะเวลาการจดสิทธิบัตร หรือขยายระยะเวลาการคุ้มครองสิทธิบัตรเข้ามาใส่ไว้ในความตกลง เรื่องการแข่งขัน จะรวมรัฐวิสาหกิจเข้ามาไว้ในความตกลง แต่จะมีวิธีการระบุไว้ในข้อตกลงที่สมาชิกยอมรับได้ และเรื่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้คณะเจรจาไปหารือกันต่อในรายละเอียด

ปัจจุบัน RCEP สามารถหาข้อสรุปได้แล้ว 4 เรื่อง คือ การจัดทำข้อบทเรื่องพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ผู้ประกอบการ SMEs และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากรวมกับ 6 เรื่องที่ตกลงกันได้ในครั้งนี้ ที่ถือเป็นเรื่องหลักและเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นหัวใจของ RCEP ก็ถือว่า RCEP ใกล้จะเจรจาจบแล้ว โดยคาดว่าจะมีการประกาศผลสรุปการเจรจาได้ภายในปลายปี 2561 และจากนั้นจะทำเอกสารผลการเจรจาเพื่อให้สมาชิกลงนามในปี 2562 ก่อนที่จะกำหนดระยะเวลาการบังคับใช้ต่อไป

ความตกลง RCEP มีสมาชิก 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และอินเดีย หากตกลงเปิดเสรีกันได้ จะทำให้ RCEP กลายเป็นตลาดการค้าและการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลก มีประชากรรวมกันกว่า 3.5 พันล้านคน มี GDP รวมกันมากกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"