อธิบายได้... แต่เชื่อหรือไม่...เป็นคนละเรื่องกัน


เพิ่มเพื่อน    

ดูท่าทีจะไม่ยอมถอยเรื่องค่าปรับคนที่ไม่มีใบขับขี่แล้วขับรถ หรือคนมีใบขับขี่แล้วไม่พก หรือคนที่ใบขับขี่หมดอายุแล้วไม่ไปต่อ หลายเรื่องที่ควรบอกก่อนก็ไม่บอก แล้วมาอธิบายหลังจากถูกถล่มก่นด่าบนพื้นที่ social media จนเกิดคำถามว่าทำไมไม่พูดให้รู้ตั้งแต่แรก นอกจากมาอธิบายชี้แจงหลังถูกก่นด่าแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะในสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่บอกว่า “ไม่ใช่” นั้น บรรดาผู้ออกมาอธิบายไม่ได้เอาคำท้วงติงไปคิดทบทวนแต่อย่างใด แต่พยายามจะชี้แจงว่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำนั้นถูกต้องแล้ว มีเหตุมีผลค้านสายตาประชาชนเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งไหนที่พอจะปัดให้พ้นตัวได้ว่าอย่ามาด่าหน่วยงานเรา ก็จะอ้างว่าเป็นความคิดของหน่วยงานอื่น แต่ประชาชนก็มีคำถามว่าถ้าหน่วยงานอื่นเสนอมาไม่เข้าท่าเข้าทาง จะไม่ท้วงติงเลยหรือ จะบอกว่าไม่ก้าวล่วงกัน แต่พอโดนด่าก็มานั่งโยนความผิดให้กันอย่างนี้หรือแบบนี้จะเรียกว่าบริการจัดการแบบบูรณาการได้อย่างไร คนเราลองถ้ามีคำอธิบายให้กับการกระทำของตัวเองแล้วไซร้ก็แสดงว่าเขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว และคงไม่คิดจะเปลี่ยน มิน่าเล่าตำราวิชาการจัดการเขาจึงบอกว่าคนที่เป็นผู้บริหารนั้นเมื่อคิดทำสิ่งใดแล้ว ก็จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ แม้จะมีคนทักท้วง หรือผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดีก็ตาม ทั้งนี้เพราะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจไปแล้วนั้นเป็นการเสียหน้า จึงไม่ยอมที่จะ unplug คือเดินหน้าต่อโดยไม่ยอมถอดปลั๊ก เสียหน้าไม่ได้ ใครจะเป็นจะตาย จะด่าจะว่าอย่างไร ไม่สนใจ เดินหน้าต่อ รักษาหน้าไว้

คนเรานั้นไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ทุกคนผิดพลาดได้ทั้งนั้น การตัดสินใจของเราก็อาจผิดพลาดได้ เพราะเราอาจจะมองข้อมูลไม่ครบด้าน เพราะเราอาจจะมองไม่ตรงประเด็น เพราะเรายึดติดกับความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าข้อเท็จจริง เพราะเราไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นแสดงความคิดเห็น เพราะเรามองไม่ครบมิติ หรือเราเชื่อมั่นในความคิดเรามากเกินไป หรือเรามีวิธีการบริการจัดการแบบ inside-out คือเอาข้อมูลภายในตัดสินใจ กำหนดโครงการ นโยบาย กฎกติกาจากการมองปัจจัยต่าง  ๆ ภายในองค์กรของตนเอง “ได้ทำสิ่งที่เหมาะสมและเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนในองค์กรของตนเอง แต่เมื่อเรื่องจะทำนั้น กระทบคนนอกองค์กร เมื่อประกาศออกมาว่าจะทำอะไร จึงทำให้คนภายนอกไม่พอใจ ถ้าจะจัดการอะไรให้ดี เวลาจะตัดสินใจอะไรควรจะเป็นไปตามแนวคิด outside-in คือมองปัจจัยและบริบทจากภายนอกมาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่กระทบกับคนภายนอก ศึกษาให้เข้าใจความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ความต้องการ ความคาดหวัง พฤติกรรมและค่านิยม แล้วจึงกำหนดกฎเกณฑ์กติกาที่พวกเขายอมรับและให้ความร่วมมือ มาบัดนี้ท่านทั้งหลายก็มองเห็นแล้วว่า การตัดสินใจของท่านนั้นไม่ได้รับการยอมรับจากคนที่เขาได้รับผลกระทบ ลองหันไปมอง ไปทบทวนเถิดว่าข้อเสนอของท่านมีปัญหาอะไร ทำไมจึงไม่ได้รับการยอมรับ และหน่วยงานของท่านถูกด่ามากมาย คิดหาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเถอะค่ะ อย่ามัวมานั่งอธิบายโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะกลัวเสียหน้าเลยค่ะ ท่านอาจจะอธิบายได้ แต่คนฟังเขาจะเชื่อท่านหรือเปล่าล่ะ ลองติดตามบทสนทนาของประชาชนบนพื้นที่ social media ดูสิ แล้วท่านจะรู้ว่าประชาชนมีปฏิกิริยากับการอธิบายของท่านอย่างไร

เอาล่ะตอนนี้ประชาชนเข้าใจละการปรับคนไม่มีใบขับขี่ ไม่พกใบขับขี่ และไม่ต่ออายุใบขับขี่ ไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจราจร แต่เป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ เมื่อฟังแล้วก็ไม่แน่ใจว่ามาตรการดังกล่าวนี้จะแก้ไขได้จริงหรือไม่ เพราะท่านไม่ได้แสดงสถิติตัวเลขใดๆ ออกมา พูดแต่ว่าการเกิดอุบัติเหตุนั้นมีความสัมพันธ์กับคนไม่มีใบขับขี่ แล้วกับคนมีใบขับขี่แล้วลืมพก และคนที่ใบขับขี่หมดอายุแล้วลืมต่อล่ะ มีความสัมพันธ์กับการเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าล่ะ

* ในการเกิดอุบัติเหตุนั้น มีสัดส่วนของคนที่มีใบขับขี่และไม่มีใบขับขี่เป็นเช่นไร มีใบขับขี่ร้อยละเท่าใด ไม่มีใบขับขี่ร้อยละเท่าใด

* คนที่ไม่ได้พกใบขับขี่หรือคนไม่ได้ต่อใบขับขี่ที่หมดอายุมีความสัมพันธ์กับการเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ คนที่พกใบขับขี่เกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าคนที่ไม่พกใบขับขี่หรือไม่ต่ออายุใบขับขี่หรือไม่ มีตัวเลขมาแสดงบ้างไหม

* ท่านคิดว่าถ้าทุกคนพกใบขับขี่ที่ไม่หมดอายุจะลดอุบัติเหตุได้จริงหรือ แสดงตัวเลขทางสถิติสนับสนุนแนวคิดของท่านสักหน่อยดีไหม

* ท่านเชื่อจริงๆ หรือว่า ถ้าหากท่านทำให้คนพกใบขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุทุกคนแล้วอุบัติเหตุจะลดลงได้จริง คนพกใบขับขี่ที่ไม่หมดอายุแต่ขับรถไม่ดีน่ากลัวกว่าไหม

* คนไม่มีใบขับขี่ คนไม่พกใบขับขี่ คนไม่ต่ออายุใบขับขี่ผิดก็จริง แต่ค่าปรับควรจะสูงขนาดนี้เชียวหรือ แล้วถึงขนาดต้องติดคุกด้วยหรือความผิดอื่นที่ร้ายแรงกว่านี้ยังปรับน้อยกว่านี้ และไม่มีติดคุกด้วย

*. ค่าปรับขนาดนี้ และมีคุกด้วย ท่านไม่คิดว่าเป็นโอกาสของการเกิดศาลเตี้ยบนถนนหรือคะ

* ท่านคิดว่าคนของท่านเป็นคนดีทุกคน ไม่มีทางใช้ศาลเตี้ยบนถนนแน่นอน เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ และที่ท่านบอกว่าถ้าใครทำจะจัดการขั้นเด็ดขาด ที่ผ่านมาท่านจัดการได้จริงเหรอคะ ถ้าจัดการได้จริงไม่ต้องรอให้กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้หรอกค่ะ ทำให้ประชาชนเห็น ณ บัดนี้ได้หรือไม่ ประชาชนอยากเห็นค่ะ

สรุป ไม่มีใครเถียงว่าคนไม่มีใบขับขี่ ไม่พกใบขับขี่ ไม่ต่ออายุใบขับขี่มีความผิด แต่เขามองว่ามันไม่น่าจะลดอุบัติเหตุได้จริง ค่าปรับสูงไป แล้วมันผิดขนาดต้องติดคุกเลยหรือ การตรวจสอบว่าคนมีใบขับขี่แต่ไม่พก ใช้เทคโนโลยีช่วยได้ไหม และที่สำคัญที่สุดเขาไม่เชื่อความเป็นเด็กดีของคนของท่าน และไม่เชื่อด้วยว่าท่านจะควบคุมพวกเขาได้จริง ก็เท่านั้นแหละค่ะ ได้ยินคำท้วงติงแล้ว อย่าเอาหูไปตา เอาตาไปไร่ และไม่ใส่ใจความคิดเห็นของประชาชนเลยนะคะ ระวังพลังของ social media ไว้หน่อยนะ ถ้ายังขืนดันทุรังหาคำอธิบายให้กับการตัดสินใจของตนเอง ไม่ยอม unplug สิ่งที่ดำเนินการอยู่ เพราะกลัวเสียหน้า ระวังจะเสียคนนะคะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"