เครือข่ายเภสัชกรทั่วอีสานต้านพ.ร.บ.ยา ขีดเส้น15วันไม่ถอนยกระดับค้านทั่วประเทศ


เพิ่มเพื่อน    

1 ก.ย.61-ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)  รศ.ดร.ไพบูลย์ ดาวสดใส คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมเครือข่ายเภสัชกรทั่วทั้งภาคอีสาน ,สมาคมศิษย์เก่าเภสัชศาสตร์ภาคอีสาน 3 สถาบัน , เครือข่ายเภสัชกร4 เหล่าทัพ รวมกว่า 300 คน รวมตัวเพื่อร่วมชุมนุมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน พ.ร.บ.ยา

เภสัชกรสุโรจน์ แพงมา นายกสมาคมศิษย์เก่าเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ่านแถลงการณ์เครือข่ายเภสัชกรภาคอีสาน ภาคีด้านสุขภาพและภาคประชาชนภาคอีสานในการคัดค้าน(ร่าง) พ.ร.บ.ยา  ฉบับใหม่กรกฏาคม 2561ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ดำเนินการปรับปรุงและยกร่างพระราชบัญญัติยา พ. ศ. (ฉบับใหม่กรกฎาคม 2561) เพื่อดำเนินการเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามลำดับนั้นซึ่งต่อมาเครือข่ายเภสัชกรภาคอีสานพบว่า ร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับดังกล่าวมีความหละหลวมละเลยความปลอดภัยและขาดการมีส่วนร่วมจนอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชน

เครือข่ายเภสัชกรภาคอีสาน ภาคีด้านสุขภาพและภาคประชาชนภาคอีสานจึงขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติยา พ. ศ.( ฉบับใหม่กรกฎาคม) โดยขอให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ถอนร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับดังกล่าวไม่เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกรณี จำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องเสนอโดยไม่สามารถชักช้าได้ก็เสนอให้นำร่างพระราชบัญญัติยา ที่ผ่านการพิจารณาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองและปลอดภัยจากการใช้ยาเป็นร่างหลักเสนอแทน

เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับใหม่กรกฎาคม 2561 นั้นไม่เป็นไปตามหลักสากลขัดเจตนารมณ์ ในการต้องการพัฒนากฎหมายอาญาอีกครั้งไม่มีความปลอดภัยและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ อันเนื่องมาจากการใช้ยาต่อประชาชนถ้าหากร่างพระราชบัญญัติยาฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ใน 2 ประเด็นหลักคือ

1.การแบ่งกลุ่มยาไม่เป็นไปตามหลักสากลขัดกับเจตนารมณ์ในการแก้ไข ร่างพระราชบัญญัติยาซึ่งต้องการแก้ไขเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นโดยการแบ่งประเภทยาใหม่ในร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับดังกล่าวได้แก่ยาควบคุมพิเศษ ยาอันตราย ยาที่ไม่ใช่ยาอันตราย และยาควบคุมพิเศษ และยาสามัญประจำบ้านขณะที่หลักสากลในประเทศต่างๆจัดแบ่งกลุ่มยาเป็นยาที่จ่ายตามใบสั่งยา ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร และยาที่ประชาชนเลือกใช้เองการแบ่งกลุ่มยาตามร่างพระราชบัญญัติยาฉบับดังกล่าวเป็นการย้อนกลับไปใช้การจัดกลุ่มยาตามพระราชบัญญัติยา พ. ศ. 2510 ขณะที่การเสนอปรับแก้กลุ่มยาในครั้งล่าสุด ก็เป็นไปตามหลักสากลและไม่มีใครคัดค้านจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องกลับไปใช้ 

2.เปิดให้ผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญสามารถผลิตผสมปรุงยาและ รวมถึงการจ่ายหรือส่งมอบยาแก่ผู้ป่วยได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความปลอดภัยจากการใช้ยาเกิดภาระค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นส่งผลกระทบต่อการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามหลักวิชาเภสัชศาสตร์และอาจเร่งเร้าให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเชื้อดื้อยาอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น

เครือข่ายเภสัชกรภาคอีสานขอเน้นย้ำว่าร่างพระราชบัญญัติยาฉบับดังกล่าวนี้ไม่ได้บัญญัติขึ้นมาเพื่อให้กับสถานพยาบาลของรัฐ หรือมีผลบังคับใช้คุ้มครองดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลของรัฐแต่อย่างใด แต่เป็นการบังคับใช้กับภาคเอกชน ดังนั้นหัวใจสำคัญคือความปลอดภัยของผู้บริโภคและผู้ป่วยที่จะมารับยาการออกกฎหมายจึงเป็นไปเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย หาใช่เป็นเครื่องมือซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อระบบยาและระบบสุขภาพอย่างร้ายแรงที่สุด

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นเครือข่ายเภสัชกรภาคอีสานจึงขอคัดค้านและขอให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาถอนร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับใหม่กรกฎาคม 2561 ไม่เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขภายใน 15 วัน ซึ่งถ้าไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปประธรรม เครือข่ายเภสัชกรภาคอีสานจะร่วมกับเครือข่ายเภสัชกรภาคใต้ เครือข่ายเภสัชกรภาคเหนือและเภสัชกรภาคตะวันออกและเครือข่ายเภสัชกรภาคกลางและกรุงเทพฯ จะดำเนินการยกระดับการแสดงจุดยืนร่วมกันเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับดังกล่าวอย่างที่สุด


ขณะที่ รศ.ดร.ไพบูลย์ ดาวสดใส คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มข. กล่าวว่า คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันที่ผลิตครู อาจารย์และเภสัชกรมากมาย และการที่เภสัชกร รวมถึงเครือข่ายต่างๆทั่วประเทศนี้ได้ลุกขึ้นมาคัดค้าน พ.ร.บ.ยาในครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะพิจารณา เพราะยาไม่ใช่ขนม และยาเป็นปัจจัย 4 ของประชาชน ใช้รักษาป้องกันโรคให้กับประชาชน และต้องมีการควบคุม เพราะยามีทั้งประโยชน์และโทษ

“ผมแปลกใจว่ามีปัญหามากมายอย่างนี้ มีการต่อต้านทั่วทั้งประเทศทำไมยังมีการนำเสนออยู่ จึงอยากจะวิงวอนว่าควรจะคิดถึงหลักสากล ประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ อย่าให้เกิดการทำลายประชาชน ขอวิงวอนผู้หลักผู้ใหญ่ วิงวอนทุกภาคส่วนว่า ถ้าเราทำใจเป็นกลางปัญหามี แต่โอกาสก็มีให้เราแก้ไข โปรดรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"