คงเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีอัตราเงินเฟ้อ 82,000% และรัฐบาลเพิ่งประกาศลดค่าเงินทีเดียว 96%
เวเนซุเอลาในอเมริกาใต้กลายเป็นประเทศ "ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" แม้จะเคยมีน้ำมันเป็นตัวอุ้มเศรษฐกิจมาตลอด แต่วันนี้กลายเป็นชาติที่มีปัญหาความชั่วร้ายทุกอย่างที่ชาติหนึ่งพึงจะมีได้
คอร์รัปชันหนักหน่วง
อาชญากรรมรุนแรง
ธุรกิจเจ๊งเป็นทิวแถว
คนว่างงานเต็มถนน
ไฟฟ้าติดๆ ดับๆ
สังคมเข้าสู่วิกฤติ
การเมืองโสมม
รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ
ฝ่ายค้านไม่มีน้ำยา
เศรษฐกิจหดตัวปีละไม่ต่ำกว่า 20%
90% ของประชาชนอยู่ในสภาพยากจนแร้นแค้น
สถิติที่น่าสนใจของประเทศนี้คือ
ตัวเลขประชากรล่าสุด: 32.4 ล้าน
ประชากรที่หนีความวุ่นวายไปนอกประเทศตั้งแต่ 2014: 2.3 ล้านคน
95% ของรายได้รัฐบาลมาจากน้ำมัน
คาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,000,000%
ราคาสินค้ากระโดดขึ้นหนึ่งเท่าตัวทุกๆ 26 วัน
ราคากาแฟถ้วยละ 2.5 ล้านโบลิวาร์
รัฐบาลพรรคสังคมนิยมอยู่ในอำนาจมาแล้ว 19 ปี
ล่าสุดรัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ตัดเลขศูนย์ห้าตัวออกจากราคาสินค้าทั้งหลาย และประกาศเอาเงินสกุลโบลิวาร์ (bolivars) ไปผูกติดกับเงินสกุลดิจิทัล (cryptocurrency) ที่รัฐบาลอุ้มไว้แต่ไม่มีใครรู้จักหรือยอมรับ
ธนาคารกลางประกาศอัตราแลกเปลี่ยนใหม่เป็น 68 โบลิวาร์ต่อหนึ่งยูโร หรือ 60 โบลิวาร์ต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐฯ ตามที่ผู้นำได้เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้
อัตราแลกเปลี่ยนใหม่นี้เท่ากับเป็นการลดค่าเงินไป 96% จากอัตราแลกเปลี่ยนทางการเดิม
แต่ในประเทศที่เกือบทุกอย่างเดินได้ด้วยตลาดมืด ไม่มีใครสนใจคำประกาศนี้เท่าไหร่
ในตลาดมืดอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 93 โบลิวาร์ต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐฯ อยู่แล้ว และใครๆ ก็รู้ว่าคำประกาศของรัฐบาลไม่มีความหมายต่อใครทั้งนั้น
ทันทีที่มีคำประกาศมาตรการอุ้มเศรษฐกิจชุดใหม่นี้ออกมาก็มีเสียงด่ากันขรมจากประชาชนในวงการต่างๆ ว่าจะไม่ได้เรื่อง เพราะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 82,000%
มีเสียงเรียกร้องให้ทั้งประเทศหยุดทำกิจกรรมการค้าการขายทั้งหมดเพื่อประท้วงรัฐบาล
กลางเมืองหลวงการากัส ร้านรวงพากันปิดกิจการเพราะไม่มีทั้งคนซื้อและคนขาย
ถนนหนทางกลางเมืองถูกทิ้งร้าง มีแต่ความวังเวงเศร้าหมอง ไม่ต่างอะไรกับการตกอยู่ในเหวนรกทั้งเป็น
ฝ่ายค้านบอกว่าตอนนี้ประชาชนประมาณ 60% ได้ร่วมการประท้วงระดับชาติกันแล้ว
ร้านที่เปิดซื้อขายอยู่บ้าง ป้ายราคาของที่เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ยังบอก 1,0000,000 โบลิวาร์ ถูกเปลี่ยนเป็น 10 โบลิวาร์
ไม่มีคำบรรยายอะไรชัดเจนเท่ากับบอกว่าเวเนฯ ได้กลายเป็นประเทศล้มละลาย และล่มสลายต่อหน้าต่อตา
ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองร่ำรวยด้วยน้ำมัน วันนี้กลายเป็นดินแดนของคนหิวโหย อพยพหนีตายไปประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกันอย่างต่อเนื่อง
ความจริงวิกฤติของเวเนฯ เริ่มตั้งแต่ปี 2010 หรือ 8 ปีก่อนตั้งแต่ฮูโก ชาเวซยังเป็นประธานาธิบดี ความเลวร้ายต่อเนื่องมาถึงผู้นำคนปัจจุบัน
สภาพของประเทศเป็นจุดย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สาเหตุสำคัญมาจากนโยบาย "การปฏิวัติโบลิเวีย" ที่เริ่มตั้งแต่ยุคซาเวซ ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2010 ได้ประกาศ "สงครามเศรษฐกิจ" หลังจากที่เกิดปัญหาความขาดแคลนอย่างหนักทั่วประเทศ
วิกฤตินี้ดำเนินต่อมาถึงรัฐบาลของมาดูโร และเมื่อราคาน้ำมันตกต่ำในตอนปี 2015 ความเลวร้ายก็เข้ามาซ้ำเติมอย่างหนักหน่วง
ประชากรประมาณ 32.4 ล้านคนของประเทศนี้กำลังหนีตายทุกวิถีทางเพราะระบบการเมืองล่มสลาย สังคมพังพินาศ และความเป็นชาติกำลังปริแตกอย่างน่าหวาดหวั่น
สังคมโลกกำลังงุนงงและสับสนว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างไร ในขณะที่ผู้นำการเมืองยังยโสโอหังไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากข้างนอก ทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีอาหารการกินครบสามมื้อแล้ว
นี่คือตัวอย่างของ "ประเทศล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ" ที่น่าศึกษาวิเคราะห์ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนสำหรับทั่วโลกที่ยอมให้คอร์รัปชันแพร่กระจายไปอย่างกว้างไกล และสังคมไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อกู้บ้านเมืองได้!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |