ทัศนคติ "สิทธิพิเศษ" น้องแบม


เพิ่มเพื่อน    

       อยากจะบอกน้องแบม "น.ส.ปณิดา ยศปัญญา" ซักอย่าง

        เพชร........

        ไม่ปรากฏว่าตั้งราคาให้ตัวเอง ฉันใด

        ความดีที่เธอทำเป็นแบบอย่างสังคมรุ่นใหม่ ก็ฉันนั้น

        เธออย่าใช้ความดีไปในทาง "เรียกร้อง-ทวงถาม" สิ่งตอบแทนใดๆ เพื่อตนเองเลย

        แม้สิ่งนั้น.........

        จะมีใครให้คำมั่นเป็นสัญญิง-สัญญาก็ตาม!

        "ความดี" ก็เหมือนต้นไม้

        ดำรงให้คงทน สม่ำเสมอไว้ ในความเป็นเมล็ดแห่งพืชพันธุ์ดีเพื่อมนุษยชาติ

        เมื่อถึงเวลา....

        ดอก, ผล "ผลิบาน" เอง!

        การที่เธอเป็นนักศึกษา เห็นการโกงเงินสงเคราะห์คนจนในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ที่จังหวัดขอนแก่น แล้วไม่นิ่งเฉย

        ตีแผ่จนนำสู่การตรวจสอบ "ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง" ทั่วประเทศ

        จนสามารถขจัดข้าราชการกังฉิน "เล็ก-ใหญ่" ในสังกัด "กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์" หรือ พม.ไปได้จำนวนหนึ่งนั้น

        ไม่มีสุจริตชนใด ที่ไม่ "ชื่นชม-สรรเสริญ" เธอ

        แต่ "น้องแบม" ไม่ควรมองนอกตัวมากนัก........

        จงมอง "หัวใจ" ในตัวเองสิ

        ว่าหัวใจเรามันพราว เหมือนมีน้ำพรม รับรู้ถึงขม-หวานใน "คุณค่า" ความเป็น "คน" ขนาดไหน?

        เกิดมาชาติหนึ่ง ในหมู่ชนกว่า ๗๐ ล้านคน ร่วมแผ่นดิน

        เธอกล้าหาญ........

        ใจเหนืออามิส เสียสละ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น

        ทำในสิ่งที่คนนับล้านไม่กล้าทำ ใช้ชีวิตในความเป็นนักศึกษาสาวเดี่ยวโดดคนหนึ่ง วางเป็นเดิมพัน

        กระทั่งครูบาอาจารย์ทาสสังคมสยบยอมทั้งกดทั้งดัน เธอก็ไม่เปลี่ยนใจ

        น้องแบม......

        เธอยิ่งใหญ่มาก

        ใจเหนือใจที่รับรู้ได้ถึง "ความยิ่งใหญ่" นั้น นั่นแหละ คือน้ำของเนื้อเพชร

        คนเห็นค่าและคู่ควรเท่านั้น จะได้เธอไปร่วมสังคมงานและสังคมชีวิต!

        เมื่อวาน (๓๐ ส.ค.๖๑) คุณแม่น้องแบม ได้รับเข็มกลัด "แม่ดีเด่นแห่งชาติ" ประจำปี ๒๕๖๑

        นี่ก็ดอกผลผลิบานจากความดีน้องแบม

        แต่เรื่องที่น้องแบม "เปิดใจ" กับสื่อ ในประเด็น ผู้ใหญ่กระทรวง พม.รับปากต่อหน้านายกฯ ว่า

        "เรียนจบจะรับเข้าทำงาน พร้อมทำงานเมื่อไหร่ ให้โทรศัพท์แจ้งได้"

        ตอนนี้ จบปริญญาตรีแล้ว แต่เมื่อโทร.ไปแจ้งประสงค์ว่า

        "อยากทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น"   

        แต่คำตอบที่ได้ คือ...........

        "ถ้ามีประกาศรับสมัครคนเข้าทำงานให้สมัครเข้ามาตามขั้นตอนและสอบตามขั้นตอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะประกาศรับสมัครเมื่อใด"

        แล้วน้องแบมก็ปรารภ ว่า......

        "ผู้ใหญ่ไม่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ เพราะเมื่อเปรียบกับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษรายอื่นๆ ตัวเองเหมือนถูกทอดทิ้ง ทำให้รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน ที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง และที่ได้ยินจากปากของผู้ใหญ่ ที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าผู้นำประเทศ"

        นี่แหละ...........

        อัดอั้นที่น้องแบมระบายใจ กลายเป็นวัตถุดิบให้สื่อ "ยำใหญ่นายกฯ" ว่อนโซเชียล

        "ผู้ใหญ่ไม่ทำตามสัญญา" บ้าง "ลุงตู่หลอก" บ้าง และอีกต่างๆ นานาสำนวน คงเห็นแล้ว

        ก็เป็นสิทธิ์น้องแบมที่จะพ้อ แต่เท่าที่น้องแบมได้รับเสนอ ก็หลายอย่างนะ

        เช่น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เสนอให้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่ ม.รังสิต และตอนนี้เธอก็เข้าศึกษาแล้ว

        "ค่ายประจักษ์ศิลปาคม" ที่อุดรธานี ก็เสนองานในค่ายให้ไปทำ

        แต่ไม่ประสงค์ไปทำเอง ว่าไม่สะดวก ต้องดูแลคุณพ่อที่บ้านขอนแก่น ซึ่งป่วย

        "แบงก์กรุงไทย" ก็เสนอ พร้อมรับเข้าทำงาน ที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ

        น้องแบมก็ปฏิเสธ.........

        อ้างไม่สะดวก ต้องดูแลพ่อแม่ที่บ้านเกิดขอนแก่น

        โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น ก็เสนองานให้ ซึ่งตอนนี้ เธอก็ทำงานที่นี่

        แต่ที่กระทรวง พม.เท่านั้น ที่น้องแบมอยากเข้าทำงานที่ "ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง" ขอนแก่น ถิ่นบ้านเกิด

        เมื่อติดต่อไป ก็เป็นดังข่าว "ผู้ใหญ่ไม่ทำตามสัญญา"!

        ผมอยากให้น้องแบมเข้าใจ "โลกเป็นจริง" ตรงนี้ไว้นิด ดูจากคำตอบเจ้าหน้าที่กระทรวง พม.

        เขาตอบไม่ผิดหรอก

        และก็ไม่มีใคร "ผิดสัญญา" อย่างที่เข้าใจ

        เพียงแต่ เจ้าหน้าที่ที่ให้คำตอบนั้น "มะนาวไม่มีน้ำ" เยี่ยงข้าราชการ "น้อยสำนึก" ไปหน่อย

        คำว่า "สิทธิพิเศษ" นั้น.........

        น้องแบม ซึ่งโลกยังสวย อย่าไปเสพติดอะไรมันมาก บ้านเมืองวังวน "ทุจริต-คอร์รัปชัน" ในระบบราชการที่เป็นอย่างทุกวันนี้

        เชื้อก็มาจาก "สิทธิพิเศษ" นี่แหละ!

        ถ้าเจ้าหน้าที่ที่ให้คำตอบน้องแบม มีสำนึก "บริการประชาชน" ในภาษาสื่อสาร

        ด้วยใจความที่เขาตอบ น้องแบมจะไม่เกิดความรู้สึกว่าผิดสัญญา หรือถูกทอดทิ้งเลย

        จะสังคมงานหรือสังคมไหนก็ตาม ต้องเข้าใจคำว่า "กติกา-มารยาท-ระเบียบปฏิบัติ และขั้นตอน" ก่อน

        ง่ายๆ สมมุติ เราเป็นพ่อแม่ของหมอคนหนึ่ง เกิดป่วยฉุกเฉิน ไปโรงพยาบาล

        จะถือสิทธิ์ว่า ฉันเป็นพ่อของหมอที่โรงพยาบาลนี้ พรวดพราดเปิดประตูเข้าไปหา อย่างนั้นไม่ได้

        ระเบียบปฏิบัติมันมี ต้องไปแจ้งชื่อขอทำบัตรผู้ป่วยก่อน

        แล้วยังอีกหลายโต๊ะ วัดความดัน เจาะเลือด รอเรียกชื่อตามคิว เป็นต้น

        พบหมอแล้วนั่นแหละ ขั้นตอน "สิทธิพิเศษ" จะลื่นไหลจากหมอเอง

        การเข้าเป็นข้าราชการก็ประมาณนั้น ยังไงก็ต้องตามขั้นตอนก่อน

        ไปสมัครสอบ ก.พ.ก่อน แล้วสิทธิพิเศษถึงจะเดิน "ตามระบบ" ได้

        สอบผ่านแล้ว ยังต้องรอคิวบรรจุ รอตำแหน่งว่าง รอเรียกตัว สอบสัมภาษณ์

        เข้าไปเป็นข้าราชการให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน จะอยู่ไหน ที่จะชี้เอาตรงนั้น-ตรงนี้ นั่น...ใจเย็นๆ

        จะโฉ่งฉ่างเหมือนชี้ซื้อผักตามตลาด มันไม่ควร

        เพราะคนไทยเรา ไม่ชิน "การเข้าแถว" นี่แหละ พลอยทำให้วัฒนธรรมสังคม เป็นสังคม "เอาแต่ใจ" เป็นที่ตั้งไปด้วย

        การไม่รู้จักอดทนในการรอคอยนั้น ทำให้ไม่เคารพสิทธิ์เขา-พิทักษ์สิทธิ์เรา ในขั้นตอนตามกติกาสังคม

        ทุกแห่ง มัน "มีขั้น-มีตอน" เป็นอารยปฏิบัติ กระทั่งบ้านเราแท้ๆ จะเข้าไป ยังต้องไขกุญแจก่อนเลย

        สรุป คือ "ภาษาสื่อสาร" ที่ข้าราชการใช้กับประชาชนไปติดต่อนั่นแหละ

        มากต่อมาก ทำให้คน "เกลียดข้าราชการ" และ "ระบบราชการ" มองว่า เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมชาติ

        ในสมัยหนึ่ง คนอยากเป็นคอมมิวนิสต์กันมาก

        ก็เพราะข้าราชการสื่อสารกับประชาชนลักษณะนี้!

        ผมก็เข้าใจระบบราชการเขานะ

        ในความเป็นประเทศ ประกอบด้วยคนร้อยพ่อ-พันแม่-หมื่นต้องการ-แสนเจตนา

        จำเป็นต้องมี กฎ-ระเบียบในทางปฏิบัติ เป็นกรอบกว้างไว้ก่อน เพื่อกลั่นและกรองเป็นชั้นๆ

        ทุกวันนี้ ขนาดกรองแล้ว-กรองอีก บางทียังต้องกลั่น ด้วย ม.๔๔ อีกชั้น ก็ยังเป็นอย่างนี้

        ถ้าไม่กรองเลย เอะอะ "สิทธิพิเศษ" หมด

        ป่านนี้.....

        ประเทศไทยยังจะเหลือถึงพรุ่งนี้-ปะรืนนี้มั้ย ก็ยังสงสัย?

        แต่เย็นวาน ได้ยิน "พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด" บอก "คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ" (ปปท.)

        รับน้องแบมเข้าทำงานที่ ปปท.ขอนแก่นแล้ว ซึ่งเธอพอใจ นัยว่า สะดวกต่อการดูแลพ่อแม่ด้วย

        เอาล่ะ........

        เป็นอันว่า ดอก, ผล แห่งความดี ถึงเวลา "ผลิบาน" แล้ว น้องแบมจะได้เป็นข้าราชการในสำนักปราบโกงให้แผ่นดินแล้ว

        เห็นมั้ย...ก่อนจะใหญ่ไปถึงระดับอธิบดี-ปลัดกระทรวง ในอนาคต มันก็ต้องผ่านระดับ ๑-๒-๓ ขึ้นไปก่อนทั้งนั้น     

        ฉะนั้น จำเป็นบทเรียนไว้ "ก่อนใหญ่" ในความเป็นสังคมบริหารและปกครอง

        คำว่า "สิทธิพิเศษ" มีได้

        แต่จะใช้ได้ กับคนรู้จัก-เข้าใจคำว่า "ระบบ-ระเบียบ" ในแบบแผนปฏิบัติ ประกอบด้วยกาละ-เทศะเท่านั้น  

        และอย่าประณามคนง่ายๆ เพียงไม่ได้อย่างใจตัวเอง

        อ้อ...อีกอย่าง

        เป็นข้าราชการแล้ว ต้อง "อดทน" ในการพูดจาอธิบายความกับประชาชน

        ข้าราชการที่มองประชาชนเหมือนไม่ใช่คน มันคนนั้น...ต่ำสัตว์!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"