ทหาร-นักการเมือง-และประชาชน


เพิ่มเพื่อน    

      อย่างที่อภิมหาการ์ตูนนิสต์ ระดับมือวางอันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้มีนามกรว่า บัญชา-คามิน ท่านได้อุปมา-อุปไมย เอาไว้ในคอลัมน์ กูว่าแล้ว ของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ เมื่อวันสองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า การ คลายล็อก แต่ยังไม่ได้ ปลดล็อก ของ คสช.ระหว่างนี้ ก็คงคล้ายๆ กับการอนุญาตให้ เยี่ยวได้ แต่ ห้ามขี้ โดยเด็ดขาด อะไรประมาณนั้น...

                                                                --------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหลาย ก็คงต้องฝึก ขมิบตูด ในระหว่างปัสสาวะกันไปตามสภาพ คืออย่าออกไปพร้อมๆ กันทั้งสองทาง รอจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่ เข้าทาง เข้าร่อง เข้ารอย ตามมาตรฐานของ คสช.เค้าจริงๆ อันนั้น...ถึงค่อยออกหน้า ออกหลัง ฉี่ๆ-แป๊ดๆ กันได้ตามสบาย ส่วนจะส่งผลต่อไพรมารีโหวต หรือไพรมารีไม่โหวต หรือไม่ ประการใด คงต้องไปหาทางพลิกๆ แพลงๆ กันเอาเอง ทำไงได้...ในเมื่อ ประชาธิปไตยอยู่ในกำมือของท่านแล้ว ดันไปถอกเข้า-ถอกออก ไม่ทะนุถนอม ไม่ประคับประคองกันให้ดี อะไรต่อมิอะไรมันก็เลยต้องเป็นไปในแนวนี้ อย่างมิอาจช่วยได้...

                                                                ---------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...ขึ้นชื่อว่า นักการเมือง ซะอย่าง ต่อให้ล่ามโซ่เอาไว้ซัก 3 ชั้น 4 ชั้น ใส่กลอน ล็อกกุญแจ ติดกล้องวงจรปิด เอาไว้ตรวจเช็กความเคลื่อนไหวแบบชนิดนาทีต่อนาที ยังไงๆ...ก็คงไปล็อก ไปควบคุม ดูแล อะไรแทบไม่ได้ ถ้าหากนักการเมืองรายนั้นคิดจะเคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ แล้ว เพราะด้วยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ด้วยคุณสมบัติพิเศษของความเป็น นักการเมือง นั้น อย่างที่ใครต่อใครเขาเคยว่าๆ เอาไว้นั่นแหละว่า ต้องพร้อมไปด้วยองค์ประกอบหลายต่อหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าเขี้ยวงอก ติดสปริงไฮดรอลิกแบบยืดได้-หดได้ เกล็ดแตกลายงาพอๆ กับชามกระเบื้องราชวงศ์ถัง มีหาง มีปีก แถมเผลอๆอาจพ่นไฟได้ด้วยซะอีกต่างหาก...

                                                                 -----------------------------------------------

      ดังนั้น...การล็อก-ไม่ล็อก คลายล็อก หรือปลดล็อก ก็คงไม่สามารถหยุดยั้งอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของพวกนักการเมืองฉบับของแท้และดั้งเดิม ได้มากมายซักเท่าไหร่ แต่ก็นั่นแหละ...มันออกจะเป็นอะไรที่จุกๆ จิกๆ ไม่ต่างอะไรไปจากกระทรวงศึกษาธิการออกข้อบังคับให้บรรดาหนูเล็กๆและเด็กๆ ทั้งหลาย ต้องไม่ทำโน่น ทำนี่ ทั้งๆ ที่โดยสภาพแวดล้อมของโลก ของสังคม มันไปไหนต่อไปไหนกันไปนานแล้ว หรือเลอะเทะ เละเทอะ เกินกว่าที่จะต้อนเด็กเข้ากรอบ เข้าคอก มันก็เลยกลายเป็น เงื่อนไข ที่จะถูกหยิบเอามาใช้ประโยชน์ ในการด่า การทอ การแสดงออกถึงความไม่พอใจ ต่อกฎ ระเบียบต่างๆ แบบชนิดเนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รอง แต่ดันคว้ากระดูกเอามาแขวนคอไว้เฉยเลย...

                                                                   --------------------------------------------------

      การไปจุกๆ จิกๆ กับกฎโน่น กฎนี่ ห้ามโน่น ห้ามนี่...ของ คสช.นั้น จึงอาจถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความ ไม่เข้าถึง-ไม่เข้าใจ ต่อสภาพความเป็นไปในแวดวงการเมืองอยู่พอสมควร ซึ่งก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะผู้ที่เกิดและเติบโตมาจากแวดวงทหาร โดยส่วนใหญ่...ก็มักถนัดไปในทางถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก นั่นแหละเป็นหลัก เมื่อต้องเจอกับภารกิจที่แตกต่างออกไป เจอกับงานทาสี งานตกแต่งภายใน งานเดินสายไฟฟ้า ที่ยอกย้อนสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง บรรดาทหารหรืออดีตทหารทั้งหลายที่ต้องโจนเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ จึงมักต้อง ตกม้าตาย กันไปเป็นรายๆ ไม่ว่าตั้งแต่จอมพล ป. จอมพล ผ. พลเอก ก. พลเอก ช. พลเอก ส. ฯลฯ จนแม้แต่พลเอก ป. หรือพลเอก บิ๊กตู่ ก็น่าจะไม่มีข้อยกเว้นแต่ประการใด...

                                                                    ----------------------------------------------------

      การวางระยะห่าง ระยะเคียง ระหว่าง ทหาร กับ การเมือง เอาไว้ให้มันได้จังหวะ ได้สมดุล...จึงอาจถือเป็น สูตรสำเร็จ ของสังคมไทยมาแต่อ้อน แต่ออก คือถ้าหากเมื่อไหร่ที่ทหารเข้ามายุ่งเกี่ยว พัวพัน กับการเมืองมากจนเกินไป จนอาจฉุดลากกระชากถูสถาบันทั้งสถาบัน ให้เข้ามาพลิกคว่ำ พลิกหงาย กับกระแสการเมืองในแต่ละระยะ พลังทางสังคมก็มักถูกกระตุ้นให้เกิดการแสดงออกถึงปฏิกิริยาตอบโต้ จนต้องกลับไปสู่ เขตทหารห้ามเข้า ชนิดหนแล้ว หนเล่า และถ้าหากเมื่อไหร่ที่นักการเมืองเกิดล้ำเส้น ล้ำขอบเขตของความพอดี ที่มีความถูกต้อง ชอบธรรม หรือมีศีลธรรมขั้นพื้นฐานเป็นตัวกำกับ ทหารก็จะกลายสภาพเป็นที่พึ่ง ที่หวัง กลายเป็นสิ่งที่ถูกลากออกมาจากเขตทหาร เพื่อถ่วงดุลการเมืองกันไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ...

                                                                    --------------------------------------------------------

      การปฏิวัติรัฐประหาร และการหวนกลับคืนมาสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่...มันจึงกลายเป็น ลักษณะพิเศษ ของสังคมไทยไปแล้วก็ว่าได้ ส่งผลให้เกิดการผลิต รัฐธรรมนูญ ระดับมากที่สุดในโลก และยาวที่สุดในโลก อย่างเป็นที่รับรู้ รับทราบ กันโดยชัดเจน การวนไป-วนมา อยู่ในวัฏจักร วงจร ที่ถูกเรียกขานกันในนาม วงจรอุบาทว์ จึงถือเป็น ข้อเท็จจริง ชนิดหนึ่งของสังคมไทย ที่มิอาจปฏิเสธ นอกเสียจากบรรดาทวยไทย หรือปวงชนชาวไทยทั้งหลาย เกิดการพัฒนา เติบโต ในทางวุฒิภาวะ ทางสติ-ปัญญามากพอที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย มันเป็นประชาธิปไตยที่มี ธรรม เป็นที่ตั้ง หรือเป็นประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นมาจาก ประชาชนที่มีธรรม  ประชาธิปไตยที่มี ความไม่เห็นแก่ตัว เป็นรากฐาน และเป็นเครื่องประคับประคองให้ไม่ต้องเกิดการย้อนกลับไปสู่ วงจรอุบาทว์ ได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด กันจริงๆ...

                                                                   ----------------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...อะไรที่น่าหงุดหงิด รำคาญ ไม่ว่าจะมีที่มาจาก ทหาร หรือ นักการเมือง ก็แล้วแต่ สุดท้าย...คงต้องหันมาโทษบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลายนั่นแหละ อย่าไปโทษใครคนหนึ่ง คนใด ให้เสียเวลา ให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว โดยใช่เหตุ เพราะผ่านมาเกือบจะครบศตวรรษเข้าไปแล้ว แค่จะเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง แค่ตัดสินใจว่าอะไรผิด-อะไรถูก อะไรดี-อะไรชั่ว ยังตัดสินใจผิดๆ พลาดๆ กันมาโดยตลอด ก็คงหนีไม่พ้นต้องหมุนไป-หมุนมากับ วงจรอุบาทว์ ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ โต กันซะที...

                                                                        -------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก ท่านพุทธทาสภิกขุ... ธรรมมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในตัวเอง เพราะหมายถึงความไม่เห็นแก่ตัวอยู่โดยธรรมชาติ ด้วยเหตุฉะนี้...จึงอย่าแยกความไม่เห็นแก่ตัว ออกจากประชาธิปไตย...

                                                                        -----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"