โจ๊กรายงานกงสุล สรุปไม่มีเหตุข่มขืน


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กโจ๊ก" เข้ารายงานกงสุลอังกฤษสรุปผลสอบแหม่มผู้ดีอ้างถูกมอมยา-ข่มขืนที่หาดทรายรี เกาะเต่า ยืนยันเป็นการกุเรื่องขึ้นมา 100% ยกหลักฐานเด็ดคืนเกิดเหตุขึ้น 14 ค่ำ น้ำท่วมหาดนั่งไม่ได้ และหากจะอุ้มไปข่มขืนที่โขดหินก็ต้องลุยน้ำไป ทั้งวันดังกล่าวมีการถ่ายสดบอลโลก นักท่องเที่ยวขวักไขว่ เจ้าหน้าที่รักษาการณ์เต็มพิกัดก็ย่อมมีคนเห็น 2 เพจดังซวย เจอดำเนินคดีฐานแพร่ข่าวเท็จ คนแชร์ก็ผิดด้วย 
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมนี้ กรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษร้องผ่านสื่อถูกวางยาข่มขืนที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ขณะนี้สอบพยานผู้เกี่ยวข้องไปแล้วประมาณ 20 ปาก ถ้าพบว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามข่าวที่เกิดขึ้นจริง ผู้เสียหายยังสามารถเข้าแจ้งความได้ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยอะไรมาก ถ้าพูดไปอาจจะคาดเคลื่อนได้ อีกไม่กี่วันคงเรียบร้อย
    ผบ.ตร.กล่าวว่า การลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเเที่ยว ตนได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว ได้ผลหลายอย่าง เบื้องต้นต้องพิสูจน์ให้ทราบก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบเรื่องชื่อเสียง ซึ่งหากไม่มีมูล ในส่วนของเว็บไซต์หรือโซเชียลที่นำเสนออะไรก็แล้วแต่ที่กระทบต่อความเสียหายของประเทศหรือภาพลักษณ์ของประเทศ ต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว  
    "เรื่องนี้เราให้ความสำคัญ จึงได้ประสานกับสถานทูตเพื่อติดต่อกับผู้เสียหาย ต้องพิสูจน์กันต่อไป เราทำงานเต็มที่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ"
บิ๊กโจ๊กพบกงสุลอังกฤษ
    วันเดียวกัน ที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รอง ผบช.สพฐ., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าพบนายพอล เคย์ กงสุลใหญ่ประจำสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อรายงานข้อเท็จจริง ชี้แจงกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษปรากฏเป็นข่าวถูกข่มขืน 
    มีรายงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ และคณะ ได้นำรายงานข้อเท็จจริงที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และการจำลองเหตุการณ์ ตลอดจนการสอบปากคำพยานแวดล้อม เสนอต่อนายพอล เคย์ โดยใช้เวลาในการหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง 
    ภายหลังการเข้าพบ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตนนำหนังสือจาก ผบ.ตร. ซึ่งเป็นรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเสนอต่อกงสุลใหญ่ สรุปว่า การตรวจสอบตามคำสั่งของ ผบ.ตร.ถือว่าจบสมบูรณ์แบบ สามารถยืนยันได้ว่าจากร่องรอยวัตถุพยาน การสอบปากคำพยาน และการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงตามสภาพแวดล้อม รวมทั้งตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพื่อหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มีการจำลองเหตุการณ์ตามรายละเอียดที่ทางผู้เสียหายระบุว่า รู้สึกเหมือนถูกมอมยาอยู่ที่ร้านลีโอ บาร์ ถูกอุ้มมาข่มขืนที่บริเวณลานหิน จปร. โดยจุดดังกล่าวมีระยะห่างจากบาร์ 300 เมตร  
ผลสอบสรุปชัดไม่มีเหตุข่มขืน
    "เราได้จำลองเหตุการณ์เสมือนจริง มีการตรวจสอบน้ำขึ้น-น้ำลง ปรากฏว่า ในคืนวันเกิดเหตุ วันที่ 25-26 มิถุนายน เป็นวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลบอลโลก ซึ่งทางผู้เสียหายอ้างว่าได้นั่งดื่มกินอยู่ที่ริมหาด แต่จากการสอบปากคำพยาน ตรวจสอบระดับน้ำขึ้น-ลง พบว่าห้วงเวลาดังกล่าวระดับน้ำสูงถึง 400 เมตร ขึ้นมาจนถึงฝั่ง ไม่มีใครสามารถนั่งดื่มที่บริเวณนั้นได้ ซึ่งหากเป็นไปตามที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีการอุ้มไปที่โขดหิน จปร.จริง ก็ต้องเป็นการอุ้มไปในน้ำ ซึ่งถ้าเดินในน้ำถือว่าผิดปกติมากถ้าเทียบกับสถานการณ์ขณะนั้น เนื่องจากในวันดังกล่าวมีประชาชนนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก การเดินไปยังจุดเกิดเหตุจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหินซึ่งจะเป็นจุดสนใจ และมีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาด จึงไม่สามารถเป็นไปตามคำกล่าวอ้างนั้นได้ ทำให้สรุปได้ว่าไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น" 
    รอง ผบช.ทท.กล่าวว่า นอกจากนี้ยังสอดรับกับทางกงสุลใหญ่ที่ระบุว่า หลังเกิดเหตุไม่ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายแต่อย่างใด มีเพียงแค่ผู้เสียหายเดินทางกลับไปให้ข้อมูลกับทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของประเทศอังกฤษ ซึ่งการที่เรานำข้อมูลเป็นรายงานนำเสนอต่อทางกงสุลใหญ่ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีความตั้งใจจริง และไม่ตำหนิฝ่ายใดทั้งสิ้น สิ่งที่เราทำก็คือการทำความจริงให้ปรากฏ ทำให้สถานทูตอังกฤษเห็นถึงความตั้งใจจริงของทางการไทยที่จะค้นหาความจริง โดยหลังจากนี้ทางสถานทูตอังกฤษจะประสานไปทางประเทศอังกฤษ เพื่อที่จะขอคำให้การของผู้เสียหายที่ไปให้ปากคำกับตำรวจอังกฤษ รวมทั้งขอร่องรอยวัตถุพยาน เช่น เสื้อผ้าที่มีคราบอสุจิติดอยู่ที่ทางผู้เสียหายให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ส่งกลับมาให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอย่างเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน ก่อนที่จะประสานทางสถานทูตอีกครั้ง 
ออกหมายจับ 2 เพจดัง
    พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ประเด็นพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความนั้น จากการตรวจสอบไม่มีการแจ้งว่าถูกข่มขืน มีแต่การแจ้งเรื่องทรัพย์สินสูญหาย เพราะฉะนั้นการดำเนินการทั้งหมด ทาง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวมถึงตน ขอยืนยันว่าเราจะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนที่แม่ของผู้เสียหายบอกจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนั้น ทางแม่ของผู้เสียหายไม่ใช่พยานบุคคลสำคัญ จึงไม่มีผลต่อรูปคดี 
    ทั้งนี้ จะมีการออกหมายจับเจ้าของเพจ 2 เพจ คือเพจสมุยไทม์ และเพจ CSI LA ที่โพสต์ข้อความเหตุการณ์ดังกล่าวจนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว และคาดว่าน่าจะมีการออกหมายจับได้ภายในวันเดียวกัน ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งคนแชร์ข้อมูลก็มีความผิดด้วย ก็จะออกหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูล 
    พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้พบการแจ้งความเท็จของชาวต่างชาติ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวม 4 คดี ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เกาะสมุย และเกาะเต่า ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีเหตุจริงตามกล่าวอ้าง จึงได้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ในฐานความผิดแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก่อนยกเลิกวีซ่าขึ้นแบล็กลิสต์ถาวรไปแล้ว 
    "จากการพูดคุยในครั้งนี้ ทางกงสุลใหญ่ท่านก็ได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ตำรวจของไทยสามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างและทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงขณะนี้ถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ 100% แล้ว รอเพียงพยานหลักฐานใหม่เท่านั้น" รอง ผบช.ทท.กล่าว
    มีรายงานว่า เมื่อคืนวันพุธ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีที่ สภ.เกาะเต่า ก่อนจะแถลงว่า จากการประชุมร่วมกับตำรวจ นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจากการตรวจสอบลงพื้นที่เก็บข้อมูล เก็บหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำพยานไปกว่า 20 ปาก ได้ข้อสรุปเบื้องต้นยังไม่พบข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าภายในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มอมยาและข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษในพื้นที่หาดทรายรี บนเกาะเต่าแต่อย่างใด และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว พร้อมกันนี้ ภายใน 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 30-31 ส.ค.61 คดีนี้จะสามารถสรุปและปิดคดีให้ได้ ไม่ว่าคดีนี้จะมีมูลหรือไม่มีมูลก็ตาม 
    ขณะที่ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า พนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่ากำลังพิจารณาจะออกหนังสือผ่านกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แจ้งไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยให้ช่วยประสานผู้เสียหายเดินทางมาให้ปากคำ โดยได้อธิบายถึงข้อกฎหมายของไทยเกี่ยวกับอายุความของคดีที่จะครบกำหนดในวันที่ 25 ก.ย.นี้ นับตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างกับสื่อประเทศอังกฤษ ทางไทยจึงมีความจำเป็นต้องสอบปากคำผู้เสียหาย รวมทั้งตรวจร่างกายทางการแพทย์ แต่หากผู้เสียหายไม่สะดวกจะเดินทางมาภายในอายุความ สามารถให้ทางสถานทูตอังกฤษเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้คดีความหมดอายุ ซึ่งหากเหตุเกิดขึ้นจริง การไปแจ้งความแล้วพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้ง จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"