ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ รวบหัวหน้าชาวอินโดนีเซียพร้อม 2 สมุนชาวไทย ตำรวจประสาน ปปง.ยึดทรัพย์กว่า 120 ล้าน พบอ้างตัวเป็นดีเอสไอโทร.หลอกเหยื่อพัวพันองค์กรอาชญากรรม ให้โอนเงินเข้าบัญชีที่ระบุไว้เพื่อตรวจสอบ เร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารอีกกว่า 4 แสนบัญชี สงสัยเป็นของแก๊งต้มตุ๋นทำนองนี้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ทท.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงการจับกุมนายทอมมี่ วู, นายจิรวัฒน์ กล่อมบาง และนายจิรพัฒน์ คณารุจินานนท์ เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกลวงผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 77 บัญชี, ซิมการ์ดโทรศัพท์ และบัตรเครดิต รวมกว่า 100 รายการ
พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งก่อเหตุในพื้นที่ สน.หัวหมาก กระทั่งได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 7 ราย จับกุมได้ 3 ราย คือนายทอมมี่ วู สัญชาติอินโดนีเซีย หัวหน้าแก๊ง โดยจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ส่วนนายจิรวัฒน์ และนายจิรพัฒน์ จับกุมได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ขณะที่อีก 4 รายอยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น พร้อมประสาน ปปง.ตรวจสอบและอายัดธุรกรรมทางการเงิน
ผบ.ตร.กล่าวว่า นายทอมมี่มีพฤติการณ์ชักชวนคนไทย 7-8 คน ก่อเหตุในลักษณะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศใกล้เคียงเป็นฐานในการกระทำความผิด โทรศัพท์กลับมาหลอกผู้เสียหายในประเทศไทย แอบอ้างตัวเป็นพนักงานไปรษณีย์ หรือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ โดยอ้างอุบายว่าผู้เสียหายมีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม และต้องถูกดำเนินคดี ยึดอายัดทรัพย์สิน จากนั้นล่อลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่คนร้ายแก๊งนี้เปิดไว้ อ้างว่าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โดยพบเส้นทางบัญชีธนาคารในชื่อของนายจิรวัฒน์ และนายจิรพัฒน์ มีการนำเงินไปซื้อเงินสกุลดิจิตอล หรือบิทคอยส์ เพื่อโอนต่อไปให้นายทอมมี่
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ได้ประสาน ปปง.ร่วมกันตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น 10 จุด ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมขบวนการ เป็นบัญชีธนาคารกว่า 77 บัญชี จำนวนเงิน 77 ล้านบาท รถยนต์ 6 คัน และอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 แห่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ 120 ล้านบาท
ขณะที่นายพีระพัฒน์ อิงพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง. กล่าวว่า ปปง.เตรียมคืนเงินที่อายัดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้แก่ผู้เสียหาย 4 ราย เหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.จอหอ สภ.เมืองสงขลา สน.ปทุมวัน และ สน.คลองตัน วงเงินประมาณ 2 ล้านบาท โดยหนึ่งในผู้เสียหายเป็นครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น ซึ่งผู้เสียหายได้โทร.มาที่สายด่วน ปปง. 1710 ทำให้เจ้าหน้าที่อายัดบัญชีจากคนร้ายได้ทัน แต่ก็อายัดคืนได้ไม่หมด เนื่องจากคนร้ายได้ถอนเงินออกไปอย่างรวดเร็ว
"ทาง ปปง.กำลังจับตาบัญชีธนาคารต้องสงสัยทั่วประเทศที่อาจเข้าข่ายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีประมาณ 400,000 บัญชีทั่วประเทศ เนื่องจากพบพฤติการณ์การถอน การโอน การเปิดบัญชีอย่างน่าสงสัย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป" นายพีระพัฒน์กล่าว
อ่างทอง นางสมใจ มีมงคล อายุ 41 ปี เข้าแจ้งความ ร.ต.อ.มานิตย์ นาคไพบูลย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ว่าได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่าตัวเธอถูกศาลออกหมายจับ ขอให้โทร.กลับตามหมายเลขที่ให้ไว้ เมื่อนางสมใจโทร.ไปก็ได้รับคำสั่งให้บอกชื่อ นามสกุล และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ก่อนจะแจ้งว่านางสมใจถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย และศาลได้ออกหมายจับแล้ว จึงให้นางสมใจโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเคลียร์ยอดเงินที่กู้มา แต่ระหว่างที่คุยกันนั้น นางสมใจรู้สึกผิดสังเกต จึงรีบวางสายและให้สามีพามาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
ตำรวจระบุว่า ก่อนหน้านี้มีหญิงสาววัย 58 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจำนวน 8 แสนบาท และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอ่างทอง อยู่ระหว่างติดตามคนร้าย และคาดว่าน่าจะมีอีกหลายรายที่ถูกหลอก แต่ยังไม่กล้าแจ้งความ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |