ประธานาธิบดีมิเชล เตแมร์ ของบราซิล ลงนามคำสั่งส่งกองทัพไปรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนติดกับเวเนซุเอลา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนในพื้นที่กับผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านชาตินี้

ประธานาธิบดีมิเชล เตแมร์ ออกจากสถานที่แถลงข่าวภายหลังประกาศส่งทหารไปเสริมชายแดนติดกับเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2561  / AGENCIA BRASIL / AFP

    เมื่อต้นเดือนสิงหาคมเพิ่งเกิดเหตุชาวบ้านก่อม็อบขับไล่ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 1,000 คนที่พากันอพยพเข้ามายังรัฐโรไรมาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของบราซิล โดยพากันโจมตีและทำลายค่ายพักชั่วคราวของชาวเวเนซุเอลาไร้บ้านเหล่านี้ ด้วยความโกรธแค้นจากข่าวลือที่ว่ามีพ่อค้าในพื้นที่รายหนึ่งโดนพวกผู้อพยพรุมทำร้าย และทำให้ทางการบราซิลต้องส่งทหารเข้าไปควบคุมสถานการณ์

    ประธานาธิบดีเตแมร์กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2561 ว่าคำสั่งส่งกำลังทหารไปเสริมในพื้นที่เป็นมาตรการที่มีเป้าหมาย เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่พลเมืองชาวบราซิลและผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาที่หนีมาจากประเทศของพวกเขา

    เขากล่าวถึงวิกฤติของประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ด้วยว่า "น่าเศร้า" และคุกคามความสมัครสมานสามัคคีของผู้คนทั้งทวีป

    เตแมร์เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยอมรับมาตรการทางการทูตเพื่อหยุดยั้งคลื่นผู้อพยพออกจากเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองในเวเนซุเอลา ที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร และผลักดันให้ประชาชนนับล้านคนหนีออกนอกประเทศเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า

    "บราซิลเคารพอธิปไตยของประเทศอื่น แต่เราต้องจดจำว่าประเทศหนึ่งประเทศใดจะมีอธิปไตยได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นเคารพและดูแลประชาชนของตน" เตแมร์กล่าวเตือนไปถึงมาดูโร

    องค์การสหประชาชาติกล่าวไว้ว่า มีชาวเวเนซุเอลาอาศัยอยู่นอกประเทศราว 2.3 ล้านคน โดยมี 1.6 ล้านคนที่ออกนอกประเทศนับแต่ปี 2558 คลื่นผู้อพยพเหล่านี้กำลังสร้างความตึงเครียดแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เฉพาะบราซิลและโคลอมเบีย แต่ยังรวมถึงเอกวาดอร์ เปรู และชิลี.