พบบูมกล่อมเหยื่อ ได้มาเกือบ500ล.


เพิ่มเพื่อน    

    บูมกับพี่ชายเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันฉ้อโกงคดีบิตคอยน์ ถูกเค้นสอบ 2 ชั่วโมง ยืนกรานปฏิเสธ ส่วน "ปริญญา" พี่ชายคนโตยังหายตัว ตำรวจเตรียมออกหมายจับ ด้านพ่อแม่ก็ส่อไม่รอด รอง ผบก.ป.เผยครอบครัว "จารวิจิต" ได้เงินจากเหยื่อเกือบ 500 ล้าน
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันที่ 29 สิงหาคมนี้ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดง ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน คดีหลอกลวงนายเออาร์นี ออตตาวา ซาอ์มิมาอ์ สัญชาติฟินแลนด์ ลงทุนธุรกิจค้าเงินดิจิตอลบิตคอยน์ สูญเงินกว่า 797 ล้านบาท พร้อมนายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือร่วมกันฉ้อโกง
    พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้บูมกับนายธนสิทธิ์ และนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายคนโต, นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เอ็กเปย์ และนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้น เข้าพบในวันที่ 29 ส.ค. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมฉ้อโกงเพิ่มเติม แต่ช่วงบ่ายวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา นายชาคริสและนายประสิทธิ์ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาก่อนวันนัดของพนักงานสอบสวน โดยมีผู้เสียหายเดินทางมาด้วย และมีการเจรจาทำบันทึกข้อตกลงจะจ่ายทรัพย์สินคืนให้ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้ โดยคดีฉ้อโกง เมื่อสามารถตกลงกันได้ ผู้เสียหายสามารถถอนคำร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ขณะนี้จึงยังคงเหลือเพียงนายปริญญา ผู้ต้องหาคนสำคัญ ที่มีข่าวว่ายังอยู่ในสหรัฐอเมริกา และพนักงานสอบสวนแจ้งว่า หากพ้นจากวันนัดตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บูมและพี่ชายคนรองได้ให้ปากคำต่อ พ.ต.ต.กำธร นิยม สารวัตรสอบสวน กก.1 บก.ป. เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ หลังจากนั้น บูมกล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาตามหมายเรียกที่พนักงานสอบสวนกองปราบฯ เชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนในเรื่องของคำให้การนั้น ตนได้ให้การปฏิเสธ และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดร่วมกับนายปริญญา ที่ผ่านมานับจากเกิดเรื่องก็ยังไม่ได้มีการติดต่อหรือพูดคุยกับนายปริญญาแต่อย่างใด
    ขณะที่นายธนสิทธิ์ ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้รีบไปขึ้นรถเดินทางกลับทันที โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ
    พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวว่า ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม และนายธนสิทธิ์เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพราะเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่ได้ร่วมกับนายปริญญาเดินทางไปเจรจาชักชวนนายเออาร์นีนำเงินบิตคอยน์มาร่วมลงทุนด้วย โดยใช้ความเป็นดารานักแสดงพอมีชื่อเสียงของนายบูมมาร่วมชักจูงใจ ทั้งนี้ พบว่าครอบครัวจารวิจิตได้เงินจากนายเออาร์นีมาเกือบ 500 ล้านบาท
    พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า ในส่วนพ่อแม่ของนายบูม ขณะนี้ทางพนักงานสอบได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกในคดีร่วมกันฟอกเงิน หลังเรียกทั้งคู่มาให้ปากคำในฐานะพยานก่อนหน้านี้ แต่ทั้งคู่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร โดยให้การว่า เงินจำนวน 90 ล้านบาท ที่นายปริญญาโอนมาให้นั้น เป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจของครอบครัว ทั้งอสังหาริมทรัพย์และร้านอาหาร ซึ่งทางเราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าครอบครัวนี้มีเพียงธุรกิจร้านอาหารที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ร้านเดียว รายได้ตกวันละ 5,000 บาทเท่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินโอนเข้า-ออกบัญชีหลายสิบล้านบาท
    "เร็วๆ นี้จะมีการออกหมายจับนายปริญญา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันฟอกเงินอย่างแน่นอน" พ.ต.อ.ชาคริตกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"