การประหยัดพลังงานเป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่จับตามองอย่างมาก นอกจากจะช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ตัวบุคคล ตัวสินค้า หรือบริการนั้นๆ อีกด้วย จึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าบริษัทหรือหน่วยงานใดก็ตามจะเห็นถึงความสำคัญและดำเนินการตามแนวความคิดที่ว่าจะเป็นตัวช่วยให้ประหยัดพลังงาน

        ขณะที่หน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมการประหยัดพลังงานก็ออกโครงการต่างๆ มาทำให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง และแม่งานที่สำคัญก็คงหนีไม่พ้นองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน กระทรวงพลังงาน หรือธุรกิจที่ดำเนินการเรื่องพลังงาน ที่ไม่แบ่งแยกทั้งไฟฟ้า น้ำ และอื่นๆ ที่ออกมาบอกว่าเราต้องประหยัด

        ทั้งนี้ หน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงานเองก็ลุยเต็มที่ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. แต่ชื่อกรมก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่าจะต้องออกมาควบคุม แนะแนวทาง และดูแลในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโครงการมากมายออกมาให้เห็นกันว่าเป็นสื่อกลางที่จะช่วยให้ภาคเอกชนอื่นๆ เกิดการประหยัดพลังงานไปเป็นกว่าร้อยล้านพันล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศไปไม่รู้เท่าไหร่

        และล่าสุดก็ได้ดำเนินโครงการไทยแลนด์เอนเนอร์ยี่อวอร์ด 2018 (Thailand Energy Awards2018) ครั้งที่ 19 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ชี้วัดความสำเร็จของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังงานทางเลือกและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการแสดงออกจากทุกหน่วยงานให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนในเรื่องดังกล่าว

        โดยการใช้พลังงานทดแทน และการประหยัดพลังงานนั้นถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อยกระดับในเรื่องการให้พลังงานอย่างคุ้มค่า และใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นเชื้อเพลิง ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นการส่งเสริมและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถนำมาใช้กับภาคอุตสาหกรม และภาคธุรกิจให้ลดต้นทุน เพิ่มขีดทางการแข่งขันได้อีกด้วย

        ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 19 โดยเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจและมีความตื่นตัวในการแสวงหาแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเข้าร่วม ซึ่งปีนี้มีผู้สนใจเข้าประกวดทั้งสิ้น 268 ราย แต่จากการพิจารณาของคณะกรรมการสรุปว่ามีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 69 ราย แบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่

        1.ด้านพลังงานทดแทน มีผู้ได้รับรางวัลดีเด่นทั้งสิ้น 17 ราย 2.ด้านอนุรักษ์พลังงาน มีผู้ได้รับรางวัลดีเด่นทั้งสิ้น 32 ราย 3.ด้านบุคลากร มีผู้ได้รับรางวัลดีเด่นทั้งสิ้น 10 ราย 4.ด้านพลังงานสร้างสรรค์ มีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น1 ราย และ 5.ด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน มีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 9 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด หรือหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เข้ารับรางวัลในประเภทสื่อมวลชนที่ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานด้วย

        โดยเมื่อคิดเป็นมูลค่าผลประหยัดรวมได้มากกว่า 730 ล้านบาทต่อปี สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 140,000 ตันต่อปี โดยทาง พพ.ได้คัดเลือกผู้แทนที่มีผลงานโดดเด่นทั้งสิ้น 25 รายจากทั้งหมดเข้าร่วมประกวดในระดับอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือน ต.ค.นี้ด้วย

        เห็นได้ชัดว่าจากโครงการแค่ปีเดียวมีผู้เข้าร่วมกว่า 268 ราย และสามารถทำให้ประหยัดพลังงานไปได้เกิน 700 ล้านบาท และเมื่อย้อนกลับไปดูว่าโครงการดังกล่าวจัดขึ้นมาแล้วกว่า 19 ปีจะมีผู้เข้าร่วมรวมกี่ราย และสามารถประหยัดไปได้กี่บาท ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของเทรนด์การประหยัดพลังงานที่ประเทศไทยให้ความสนใจกันอย่างมาก

      ขณะเดียวกัน เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน หลายกลุ่มที่ต้องการจะดำเนินการเข้าร่วม หรือทำอยู่แล้วในเรื่องของประหยัดพลังงาน ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ดีและควรจะส่งเสริมเป็นอย่างมาก เพื่อให้ทรัพยากรต่างๆ ยังคงอยู่สู่รุ่นต่อๆ ไปได้อีกนาน แต่หากไม่คิดถึงอนาคตอันไกลขนาดนั้น การประหยัดพลังงานที่แน่ๆ  ก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของพวกเราได้แน่นอน.