รอง ผบก.ป.เผยผลสอบพ่อแม่ "บูม" พบมีหลักฐานส่อร่วมกระทำผิดกับลูกชายคนโต มีการโอนเงินเข้าบัญชีแม่กว่า 100 ล้าน ขณะที่พ่ออ้างไม่รู้เรื่อง แต่ก็ใช้เงินนั้น ด้านผู้กองมนัสส่งทนายขอเลื่อนพบ ตร.เป็น 12 ก.ย. อ้างติดธุระที่พะเยา นัด "บูม" กับพวกรับทราบข้อหาเพิ่ม ร่วมกันฉ้อโกง
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยเมื่อวันอังคาร ถึงการดำเนินคดีกับนายปริญญา จารวิจิต นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต ดารานักแสดง พร้อมพวก ร่วมกันฟอกเงินคดีลวงชาวต่างชาติลงทุนบิตคอยน์สูญเงินไปกว่า 797 ล้านบาท ว่า จากการสอบปากคำนายสุวิทย์ นางเลิศฉัตรกมล บิดา-มารดานายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นางเลิศฉัตรกมล แม่ของบูมยอมรับว่าได้ไปเปิดบัญชีธนาคารอยู่หลายแห่ง และให้นายปริญญาลูกชายเป็นผู้เบิกเงินในบัญชีนั้นได้ ใช้โทรศัพท์ของนายปริญญาทำธุรกรรมทางการเงินในบัญชีนั้นได้ และยอมรับว่านายปริญญาลูกชายโอนเงินเข้ามาในบัญชี 100 กว่าล้านบาท โดยนายปริญญาได้สั่งให้แม่ทำธุรกรรมโอนเข้า-โอนออก วันหนึ่งยอดเงินในบัญชี 67 ล้านบาท ถอนออกจนหมดแล้วนำไปเปิดอีกบัญชีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนเงินออก นำไปเปิดอีกบัญชีหนึ่ง วันหนึ่งเปิดบัญชีถึง 4 ธนาคาร โดยนายปริญญาบอกกับแม่ว่า เพื่อให้บัญชีเดินดีๆ ธนาคารจะได้ให้เครดิตในอนาคต
รอง ผบก.ป.เปิดเผยต่อไปว่า นายปริญญาอ้างว่าเงินจำนวนมากที่โอนเข้าบัญชีแม่ได้มาจากการทำธุรกิจ แต่โดยหลักแล้วแม่ก็ควรรู้อยู่แล้วว่าเงินที่ได้มามากผิดปกติ โดยพฤติการณ์แม่ย่อมรู้ว่าลูกทำอะไร ทำมาหากินอะไรอยู่ ได้เงินมามากมายขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น วิญญูชนย่อมสมควรรู้ เพราะเงินมันมากผิดปกติ ซึ่งแม่จะเข้าข่ายกระทำความผิดด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างพิจารณา ส่วนพ่ออายุมากหน่อยไม่รับทราบ โดยมีแม่โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 55 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะรับทราบหรือไม่รับทราบก็ใช้เงินจำนวนนั้นอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อและแม่ของบูมใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ชาคริตกล่าวว่า หลักฐานที่มีอยู่น่าจะเพียงพอในการดำเนินคดี ส่วนจะเป็นข้อหาอะไรนั้น ขอเวลาสักนิด
ในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เดิมนัดจะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในวันที่ 28 ส.ค.นั้น พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าได้ส่งทนายมาขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นวันที่ 12 กันยายน โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดพะเยา ส่วนความเกี่ยวข้องของ ร.อ.ธรรมนัส มาจากนายปริญญานำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดจำนวน 125 ล้านบาทไปซื้อหุ้น ไปซื้อบริษัทแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นเกิดปัญหา นายปริญญาจึงโอนหุ้นไปให้ ร.อ.ธรรมนัส ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด นอกจากนี้ ในวันที่ 29 ส.ค. พนักงานสอบสวนได้เรียกนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม พร้อมพวกรวม 5 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงอีกข้อหาหนึ่ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |