เปลี่ยนม้ามืด...เป็นม้าเต็ง?


เพิ่มเพื่อน    

      อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการเมืองไทยเหลือเพียง 2 แพร่ง หรือ 3 ก๊กทางเลือก ที่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังเลือกตั้งระหว่างเดือน ก.พ.-พ.ค.62  คือ ก๊ก 1.พรรคเพื่อไทย ก๊ก 2.พรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. และ ก๊ก 3.พรรคประชาธิปัตย์

       เพราะหากวิเคราะห์ให้ลึก อาจมีแพร่งเพิ่มขึ้น และมีถึง 4 ก๊ก นั่นหมายถึงพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย เข้ามาพลิกโฉมการเมืองหลังเลือกตั้ง ในสภาวะที่รัฐธรรมนูญปี 60 เอื้อประโยชน์ให้เกิดรัฐบาลผสม ที่พรรคเสียงข้างมากต้องมาง้อพรรคขนาดกลางจัดตั้งรัฐบาลในสภาวะ “ตาอยู่” และแนวโน้มประโยชน์จากระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม ที่คะแนนจะไหลมาสู่ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น ไม่ถูกตัดออกเช่นพรรคการเมืองใหญ่ที่ได้โควตาส.ส.เขตเต็มแล้ว   

      ตัดมาที่ภาพการเมืองในปัจจุบัน ขณะที่ 2 แพร่ง หรือ 3 ก๊ก กำลังรบพุ่งกันทุกรูปแบบ ประสบปัญหาแตกต่างกัน และมีแนวโน้มนำไปสู่ความขัดแย้งด้วยท่าทีทุกฝ่ายยังแข็งกร้าว ดังนั้น หากก๊ก 4 พรรคภูมิใจไทยปรับวิธีคิดใหม่ให้หลุดพ้นจากกับดักพรรคอันดับ 3 และอุดช่องโหว่ต่างๆ เปรียบเป็นการแข่งม้า ก็อาจจะขี่ควบขึ้นไปหายใจรดต้นคอหรือแซงบางก๊กบางแพร่งได้    

      โดย พรรคภูมิใจไทย มีจุดแข็ง คือ 1.ตัวผู้นำพรรค คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นักการเมืองรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ชอบรับฟังความเห็นต่าง พร้อมซึมซับกลยุทธ์ทางการเมืองจากเซียนๆหลายคนที่สะสมมานาน และไม่เป็นรองหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ 2.อดีต ส.ส.ภูมิใจไทยแกนหลักยังอยู่ครบ และมีส.ส.เกรดเอจากพรรคอื่นๆ ขอเข้ามาเสริมทัพ 3.ทุนหนา กระสุนแน่น ท่อน้ำเลี้ยงไหลสะดวก มีบริษัท ซิโนไทยฯ และบุรีรัมย์ แบ็กอัพชั้นเยี่ยม

      ส่วนจุดอ่อนที่เสมือน "ติเพื่อก่อ มิใช่ยอเพื่อทำลาย" ต้องเร่งแก้ไข คือ 1.พรรคไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก คุ้นหน้าเพียง หัวหน้าอนุทิน, นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค   หรือนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค  นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคเข้ามาเป็นคอมเมนเตเตอร์บางครั้ง จึงจำเป็นต้องพัฒนานักการเมืองคนอื่นๆและเปิดพื้นที่ให้รุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทเป็นที่รู้จัก 2.ภายใต้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรคภูมิใจไทย เมื่อถึงเวลาเหมาะสมต้องกล้าแสดงจุดยืนการเมืองชัดเจน มิใช่บอกตอนหลังปิดหีบเลือกตั้ง   

      3.วัดใจทำสิ่งที่พรรคการเมืองอื่นไม่กล้า เช่น อาสาแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกำหนดให้เป็นวาระของชาติ หรือทำนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ เช่น เก็บภาษีที่ดินบรรดาแลนด์ลอร์ด และสร้างนโยบายให้คนเมืองมีความสุข ผู้คนมีสติปัญญารองรับยุค 4.0 เสริมจากเดิมที่มุ่งเจาะพื้นที่หาคะแนน 4.จุดกระแสพรรคให้ดังระเบิดเถิดเทิงในด้านภาพลักษณ์ว่าทำงานได้จริง ในฐานะมีโอกาสเป็นรัฐบาลสูง โดยมีบุรีรัมย์โมเดลเป็นต้นแบบ 

      5.ขจัดคำถามความแปลกประหลาดที่พรรคอันดับ 3 ของประเทศ แต่ไม่เห็นบทบาททีมโฆษกพรรค ดังเช่นพรรคอื่นๆ ที่มุ่งสื่อสารทำความเข้าใจแก่ประชาชน ไม่เว้นแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังไม่ประกาศเล่นการเมือง ก็ยังดึง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี บนความเชื่อที่ว่าใครยึดพื้นที่สื่อและโลกโซเชียลได้เป็นฝ่ายชนะ

       หากปฏิรูปพรรคได้ตามนี้ เลือกตั้งในปี 62 พรรคภูมิใจไทยไม่เพียงแค่ม้ามืด แต่จะเป็นม้าเต็ง...? ที่พรรคอื่นๆ ต้องสะพรึงกลัว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"