บิ๊กโจ๊กลงเกาะเต่า คลี่คดีข่มขืนแหม่ม


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กแป๊ะ" วอนใจเย็น ภายใน 7 วันรู้ผลสอบข้อเท็จจริงสาวอังกฤษถูกข่มขืนที่เกาะเต่าแล้วตำรวจไม่รับแจ้ง ส่ง "บิ๊กโจ๊ก"พร้อม พฐ.ลงพื้นที่ มั่นใจทุกอย่างกระจ่าง ผบก.สุราษฎร์ฯ เรียกสอบเจ้าของโฮสเทลที่ผู้เสียหายเข้าพัก เผยหลังฝ่ายหญิงกลับไปแล้วแฟนหนุ่มค่อยมาปรึกษาจะแจ้งความคดีข่มขืน ด้านผู้ว่าฯ ลั่นหากกุเรื่องฟ้องแน่
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ถึงข่าวนักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษอ้างว่าถูกวางยาและถูกข่มขืนที่หาดทรายรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความคดีข่มขืน รับแจ้งเพียงคดีทรัพย์สินที่สูญหาย ว่าขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และจะทราบผลภายใน 7  วัน โดยวันที่ 28 ส.ค.จะส่ง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งอาจจะมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาด้วย
    "ทุกอย่างจะกระจ่าง ผมไม่ให้อึมครึมอยู่แล้ว ถ้าตำรวจผิดผมก็ฟันอยู่แล้ว แต่ถ้าคนแจ้งคลุมเครือค่อยว่ากัน ใจเย็นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นชาวต่างชาติด้วย ส่วนจะต้องประสานงานไปยังผู้เสียหายชาวอังกฤษมาให้ปากคำกับตำรวจหรือไม่นั้น ไม่ต้องห่วงเราทำทุกมิติอยู่แล้ว มีระบบมีขั้นตอนอยู่แล้ว" ผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวย้ำว่า คดีนี้ไม่ต้องห่วง สิ่งที่ท่านรู้ตำรวจก็รู้ สิ่งที่ท่านได้ข่าวมาพวกเราเช็กหมด เราเช็กทุกมิติไม่ต้องห่วง หลังจากนี้จะต้องสร้างการรับรู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ตอนนี้ตนเองได้เร่งและกำชับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าโรงพักในเกาะเต่าไม่รับแจ้งความคดีข่มขืนนอกจากคดีทรัพย์สินสูญหาย ในส่วนนี้ตำรวจก็ฟังไว้ ตอนนี้ได้สั่งการไปในระดับผู้บังคับการจังหวัด หากโรงพักไหนไม่รับแจ้งความจะต้องโดนดำเนินการทางปกครอง 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีเพจในเฟซบุ๊กประโคมข่าวนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่าจะต้องตรวจสอบ หากเข้าข้อกฎหมายก็คงจะต้องดำเนินการ  อย่าทำตัวเป็นพวกนักเลงคีย์บอร์ด กดไปเรื่อยสร้างความเสียหายไปเรื่อย
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ายังมีผู้มีอิทธิพลที่เกาะเต่าหรือไม่นั้น ตนคิดว่าผู้มีอิทธิพลถูกปราบปรามไปหมดแล้ว ยืนยันว่าไม่มีผู้มีอิทธิพลแล้ว
    ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ เช้าวันเดียวกัน พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วย พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 (ผบ.บชร.4) และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วนไปยังสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะพะงัน  ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ลงตรวจพื้นที่บริเวณหาดทรายรีที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษเปิดเผยกับสื่อในอังกฤษว่าถูกวางยาและข่มขืน และตำรวจท้องที่ไม่รับแจ้งความ เพียงรับแจ้งของหายคือโทรศัพท์ไอโฟนและเงินสด 3 พันบาท
    ต่อมา พล.ต.ต.อภิชาติได้เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมกับเชิญ น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล อายุ  32 ปี เจ้าของที่พักไฮโฮสเทล ที่ น.ส.วิกตอเรียนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเข้าพัก พร้อมเพื่อนชาย 1 คน  ทราบเพียงชื่อนายมาร์ติน ระหว่างวันที่ 21-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
    น.ส.ภัทราให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. โฮสเทลได้จัดปาร์ตี้ให้แขกที่เข้าพักที่ผับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบว่า น.ส.วิกตอเรียกับกลุ่มเพื่อนอีก 3 คนไปตามนัด ซึ่งก็คิดว่าคงออกไปดื่มกินกับเพื่อน จนกระทั่งรุ่งเช้าก่อนเช็กเอาต์ น.ส.วิกตอเรียและนายมาร์ตินมาแจ้งกับตนว่า เมื่อคืนที่ผ่านมีอาการคล้ายถูกวางยาในเครื่องดื่มและถูกข่มขืน รวมทั้งคนร้ายยังเอาทรัพย์สินไป เหตุเกิดที่ชายหาดห่างจากผับแห่งหนึ่งประมาณ 500 เมตร ตนจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ แต่ทั้งสองไม่ยอมไปอ้างว่าต้องรีบเดินทางไป อ.เกาะพะงัน จากนั้นตนก็ไม่ได้ติดตามเรื่องอีกเลย เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุจริงหรือไม่
    น.ส.ภัทรากล่าวว่า ต่อมาวันที่ 4 ก.ค. นายมาร์ตินได้มาหาและปรึกษาว่ากรณีของ น.ส.วิกตอเรีย สามารถแจ้งความได้หรือไม่ ตนจึงพานายมาร์ตินไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า แต่ไม่สามารถแจ้งความได้เนื่องจาก น.ส.วิกตอเรียผู้เสียหายได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
    ภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต.อภิชาติเปิดเผยว่า จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า หญิงสาวอังกฤษผู้นี้ไม่ได้นั่งที่ร้านตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการซื้อเครื่องดื่มที่เป็นถังและไปนั่งดื่มที่ชายหาดใกล้เคียงกับร้านที่กล่าวอ้าง ทั้งยังบอกว่าขณะเดินมาที่ร้านฟิชโบก็ได้เจอกับผู้ชายชาวเอเชียคนหนึ่ง มีการพูดคุยกัน และมารู้สึกตัวอีกทีว่าถูกกระทำแล้วที่บริเวณชายหาดใกล้เคียง
    เรื่องนี้ตำรวจ สภ.เกาะเต่าได้ตรวจสอบและประสานเจ้าของสถานประกอบการ หรือที่พักอาศัยที่อยู่บริเวณตลอดแนวชายหาดที่กล่าวอ้างทั้งหมดแล้ว ขอยืนยันว่ากล้องวงจรปิดไม่ได้เสีย ทุกระยะจะมีกล้องวงจรปิดที่สามารถใช้งานได้ส่องลงมาที่ชายหาดทั้งหมด 7 ตัว แต่ที่ไม่สามารถตรวจสอบภาพย้อนหลังได้เพราะว่าหน่วยความจำของกล้องสามารถเก็บภาพได้ 7 วันเท่านั้น และรับแจ้งเหตุหลัง 7 วันไปแล้ว 
    แม้จะมีข่าวที่กระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย แต่เมื่อคืนวันอาทิตย์ในงานฟูลมูนปาร์ตี้บริเวณชายหาดริ้น อ.เกาะพะงัน ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานกว่า 1 หมื่นคน โดยนายเกริกไกร สงธานี นายอำเภอเกาะพะงัน และ พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.เกาะพะงัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ นปพ.ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน  120 นายรักษาความสงบเรียบร้อย
    นายเกริกไกรกล่าวว่า ข่าวแหม่มอังกฤษถูกข่มขืนและตำรวจไม่รับแจ้งความนั้น จากรายงานและจากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานว่ามีแหม่มสาวชาวอังกฤษถูกล่วงละเมิดทางเพศที่เกาะเต่าแต่อย่างใด  นอกจากรายงานการแจ้งความของหาย ซึ่งตนได้รายงานเหตุดังกล่าวให้ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยทราบแล้ว 
    ส่วนนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ข่าวนี้ได้สร้างความเสียหายให้เกาะเต่า เพราะหลังจากเกิดคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ทางจังหวัดและตำรวจได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะ ไม่ว่าจะเป็นเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า แต่ยังเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ตำรวจก็ต้องไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่นักท่องเที่ยวสาวได้กล่าวอ้างหรือไม่ หากผลการสอบสวนออกมาได้ข้อสรุปว่าข้อกล่าวอ้างไม่เป็นความจริง ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวหญิงคนดังกล่าว เนื่องจากทำให้จังหวัดและประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"