27 ส.ค.61 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีวิวาทะกับสื่อมวลประจำทำเนียบรัฐบาล ว่า สื่อมวลชนกับนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจในทุกยุคสมัยเป็นของคู่กัน เป็นธรรมชาติที่มีทั้งพึ่งพากันและต้องมีอะไรที่ขัดกัน น่าสังเกตว่าปัญหาระหว่างผู้มีอำนาจกับผู้สื่อข่าวมักเกิดที่ทำเนียบรัฐบาลหรือเกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวสายการเมือง เพราะผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลหรือผู้สื่อข่าวสายการเมืองมักตั้งคำถามตามกระแส อารมณ์ความรู้สึก ความอยากรู้ หรือความสงสัยของคน จึงมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ผู้ตอบมีความหงุดหงิด

“ในสมัยที่ผมเป็นนายกฯ เคยรู้สึกหงุดหงิดต่อสื่อมวลชน แต่พยายามตั้งสติ ไม่แสดงอาการ หรือนิ่งเงียบก่อนจะตอบคำถาม เพราะผมเชื่อว่าเราต้องเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน สื่อมวลชนมีหน้าที่ในการเป็นกระจกสะท้อนเสนอข่าวสารข้อเท็จจริง และหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นต้องวางบทบาทของแต่ละฝ่ายให้เหมาะสม” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า  การที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดกับผู้สื่อข่าวว่าใครที่มาต่อปากต่อคำให้ออกไปข้างนอกนั้น เชื่อว่านายกฯคงไม่ได้ตั้งใจหรือมีเจตนาอย่างนั้น แต่ถ้าทำจริงจะถูกมองได้ว่าเป็นการปรามว่าต่อไปนี้ใครที่พูดอะไรไม่เข้าหูผู้มีอำนาจ จะไม่มีสิทธิ์ที่เข้ามาถาม ซึ่งส่งผลกระทบกับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่เป็นตัวแทนประชาชนในการตรวจสอบผู้มีอำนาจ  อย่างไรก็ตาม แม้มีคนเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ว่าทำงานเหนื่อย เครียด และมีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับการตั้งคำถามของผู้สื่อข่าว ขณะที่การแสดงความไม่พอใจถือเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่เป็นผู้นำยังต้องมีลักษณะของการรักษาระบบให้แต่ละฝ่ายมีเสรีภาพในการทำหน้าที่ และอยากเห็นคนที่เป็นผู้นำต้องมีความระมัดระวัง ไม่ไปข้ามเส้นกัน รวมถึงต้องไม่ขัดขวางหรือข่มขู่ไม่ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่

“ผมหวังว่ากรณีของพล.อ.ประยุทธ์จะไม่บานปลายจนถึงขั้นที่ทำให้สื่อมวลชนทำงานไม่ได้ ถ้าในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ก็ต้องยอมรับและอดทนต่อการตั้งกระทู้ถามหรือการอภิปรายของส.ส. และการเจอสื่อมวลชนอื่นๆที่ให้ความเกรงใจท่านน้อยกว่าตอนนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว