อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำ กปปส.-แนวร่วม จำนวน 38 ราย ในข้อหากบฏ "สุเทพ" ตกเป็นจำเลยที่ 1 "แก้วสรร-กิตติศักดิ์-ถวิล" เจอข้อหาให้การสนับสนุน ผู้ถูกต้องข้อหาเตรียมหลักฐาน-เงินสดพร้อมประกันตัวออกมาสู้คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 รับผิดชอบสำนวนคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) 58 ราย โดยนัดให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส., กลุ่มอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำ กปปส. และแนวร่วม กปปส. ประกอบด้วย นักวิชาการ, อดีตแกนนำและแนวร่วม พธม., กลุ่มกองทัพธรรม และกลุ่ม คปท. ผู้ต้องหาคดีร่วมกบฏ, ร่วมสนับสนุนการเป็นกบฏ, กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักร
มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่ยอมเลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน ปิดงานงดจ้าง, บุกรุกสถานที่ราชการ, ขัดขวางการเลือกตั้ง รวม 8 ข้อหา จากการชุมนุมปิด กทม. เมื่อเดือน พ.ย.2556-22 พ.ค.2557 เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ารายงานตัวในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เพื่อฟังคำสั่งคดีว่าจะฟ้อง-ไม่ฟ้อง ข้อหาใดบ้างนั้น
มีรายงานว่า คณะทำงานของอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้เสนอความเห็นต่ออธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีหลักฐานและข้อเท็จจริงใหม่ที่จะกลับความเห็นและคำสั่งเดิมของคณะทำงานที่เคยมีคำสั่งไว้เมื่อปี 2557 โดยนัดสั่งคดีแกนนำ กปปส.ในวันที่ 24 ม.ค. เวลา 09.30 น. อัยการจะแจ้งความเห็นสั่งคดีให้ผู้ต้องหาทั้งหมดทราบ โดยอัยการมีความเห็น ดังนี้
ให้สั่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2, นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4, นายอิสสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5, นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6, นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8, นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9, นางอัญชะลี ไพรีรัก ผู้ต้องหาที่ 10, นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11, นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ต้องหาที่ 13, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ผู้ต้องหาที่ 14
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 15, นายยศศักดิ์ โกโศยกานนท์ ผู้ต้องหาที่ 16, นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17, น.ส.จิตรภัสร์ กฤดากร ผู้ต้องหาที่ 19, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25, นายถนอม อ่อนเกตุพล ผู้ต้องหาที่ 28, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี ผู้ต้องหาที่ 37, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้ต้องหาที่ 39
พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธะอิสระ ผู้ต้องหาที่ 41, นายสาธิต เซกัล ผู้ต้องหาที่ 42, นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43, นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44, นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46, นายมั่นแม่น กะการดี ผู้ต้องหาที่ 47, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48, นายนัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ต้องหาที่ 49, นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50, นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51, น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ผู้ต้องหาที่ 54, นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี ผู้ต้องหาที่ 56, พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ผู้ต้องหาที่ 57 (รวม 38 ราย) ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ยุยง หรือจัดให้เกิดการร่วมกันปิดงาน หยุดงาน
กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใด มีอาวุธ หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก, ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญฯ โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในเวลากลางคืน
และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้สามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152
นอกจากนี้ ในส่วนของนายสุเทพ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายชุมพล ผู้ต้องหาที่ 3 ยังสั่งฟ้องฐานร่วมกันก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1 ด้วย
โดยในส่วนของนายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11, นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 และนายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ต้องหาที่ 37 ยังสั่งฟ้องฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 358 ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังให้สั่งฟ้องนายแก้วสรร อติโพธิ ผู้ต้องหาที่ 24, นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ต้องหาที่ 30, นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 และนายถวิล เปลี่ยนศรี ผู้ต้องหาที่ 58 (รวม 5 คน) ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลฯ, ฐานสนับสนุนการกบฏ และเป็นผู้สนับสนุนยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน เป็นต้น
นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดผู้ต้องหาคดีกบฏ กปปส. มารายงานตัวและฟังคำสั่งคดีในวันที่ 24 ม.ค.นี้ ว่าจากข้อมูลมีคำร้องของ 9 แกนนำ กปปส. ที่ได้แจ้งความจำนงว่าจะเดินทางมาเพื่อฟังคำสั่ง ส่วนผู้ต้องหารายอื่นนั้น ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาว่าจะมารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งหรือไม่ แต่ทางอัยการก็นัดผู้ต้องหาทุกคนมาเพื่อฟังคำสั่งตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหาบางคนไม่ได้เดินทางมาฟังคำสั่ง ทางอัยการจะดำเนินการอย่างไร นายวงศ์สกุลกล่าวว่า ก็จะดำเนินการตามระเบียบเมื่อผู้ต้องหาไม่มาตามนัด ถ้ามีเหตุอันสมควรเราก็จะพิจารณาตามเหตุผลของแต่ละราย ข้อมูลขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีใครขอเลื่อนมาบ้างหรือไม่ เพราะหากจะมีการขอเลื่อน ก็ต้องมีหนังสือแจ้งเข้ามา
เมื่อถามว่า หากผู้ต้องหาบางคนไม่มีเหตุผลอันสมควร อัยการจะขอศาลออกหมายจับหรือไม่ นายวงศ์สกุลกล่าวว่า ถ้านัดแรกไม่มาจะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เหมือนอย่างคดีอื่นเราก็พิจารณาในมาตรฐานเดียวกัน ถ้าเห็นว่ายังไม่เสียหายแก่คดีและไม่เสียความเป็นธรรม เราก็ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน การออกหมายจับเราต้องมีเหตุผลลักษณะพิเศษ เช่นว่าไม่มาหลายครั้งหรือมีพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่จะทำให้ออกหมายจับได้ ตรงนี้เราจะพิจารณาเหมือนคดีทั่วไป
"คดีนี้แม้จะเป็นคดีการเมืองที่โด่งดัง หลักการจะต้องพิจารณาเหมือนกันทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีการเมืองหรือไม่ใช่การเมือง เราไม่ได้มองว่าคดีเล็กหรือใหญ่ ทางอัยการเราจะต้องพิจารณาเหตุผล ถ้าผู้ต้องหาแจ้งว่ามีธุระเร่งด่วนสำคัญไม่สามารถมาได้ หรือมีเหตุเจ็บป่วยหลักประกันไม่พร้อม เราก็ต้องพิจารณาให้ตามเหตุผลที่ไม่กระทบคดีและเสียความเป็นธรรม" อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษระบุ
ทางด้านนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า พร้อมจะเดินทางมาฟังคำสั่งตามที่อัยการนัดในเวลา 09.30 น. และได้เตรียมหลักฐานที่จะใช้ในการยื่นประกันตัวไว้แล้วด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับฝ่าย กปปส. ขณะนี้มีรายงานว่านายสุเทพและแกนนำ กปปส. 9 คนได้เตรียมให้ทนายความจัดหาหลักทรัพย์ไว้เพื่อพร้อมยื่นประกันตัวแล้ว หากอัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา โดยจะจัดกรมธรรม์ประกันภัย รวมทั้งเงินสดสำรองไว้ด้วย ขณะที่แนวร่วม กปปส. กลุ่มต่างๆ ก็เตรียมพร้อมหลักทรัพย์ไว้เช่นกัน อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าผู้ต้องหากลุ่มนักวิชาการบางคนก็อาจจะขอเลื่อนนัด ไม่ได้มาพบอัยการ เนื่องจากติดภารกิจ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |