รมช.มหาดไทยมอบทะเบียนบ้านชุมชนริมคลองลาดพร้าว ส่วนเขื่อนฯป้องกันน้ำท่วมยังสร้างช้า กทม.เตรียมใช้ ปว.44 รื้อบ้านรุกคลอง
ริมคลองลาดพร้าว/ นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เป็นประธานมอบทะเบียนบ้านชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศและชุมชนหลังสมาคมโรงเรียนไทย-ญี่ปุ่นที่สร้างบ้านเฟสแรกเสร็จแล้วรวม 31 หลัง ขณะที่การก่อสร้างบ้านตลอดคลองลาดพร้าว 50 ชุมชน รวม 6,841 ครัวเรือน ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 34 ชุมชน ก่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว 2,592 ครัวเรือน ส่วนการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมยังติดปัญหาผู้ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการทำให้การสร้างเขื่อนฯ ล่าช้า สร้างได้ 33 % ส่อแววขยายสัญญาให้บริษัทรับเหมา ด้าน กทม.เตรียมใช้ ปว.44 รื้อบ้านรุกคลอง
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ ระยะทางรวม 45.3 กิโลเมตร และให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองซึ่งจะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน ในพื้นที่ 8 เขต จำนวน 50 ชุมชน รวม 6,841 ครัวเรือน โดยเริ่มดำเนินตั้งแต่ปี 2558
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานจัดกิจกรรม “คืนความสุขให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง” ที่ชุมชนริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์นโยบายบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำน้ำสาธารณะของรัฐบาล รวมทั้งมอบทะเบียนบ้านให้แก่ชาวชุมชนชุมชนริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศและชุมชนหลังสมาคมโรงเรียนไทย-ญี่ปุ่นที่เข้าร่วมโครงการ โดยรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน และสร้างบ้านใหม่ในที่ดินเดิม ซึ่งขณะนี้สร้างบ้านเฟสแรกเสร็จแล้วรวม 31 หลัง โดยมีพลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่า กทม. นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช. ผู้แทน คสช. ตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ 300 คน
นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ทั้งสองชุมชน คือ ชุมชนริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศและชุมชนหลังสมาคมโรงเรียนไทย-ญี่ปุ่นได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานของภาครัฐสูงมาก แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ยังไม่ร่วมมือ แต่ก็จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และจะเป็นตัวอย่างที่ดีกับในอีก 50 ชุมชนต่อไป โดยเฉพาะการร่วมมือของทุกฝ่าย รวมทั้งกรมประชาสัมพันธ์ที่เข้าสนับสนุนการทำงานจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจกับประชาชน
“รัฐบาลภายใต้การทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะแก้ไขปัญหา มีนโยบายที่ชัดเจน มีทั้งแผนงาน แผนเงิน แผนคน และแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่ง ณ วันนี้สมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว 8 เขต 50 ชุมชนที่เราจะต้องแก้ไข ซึ่งผมเชื่อว่าความก้าวหน้าของเราเกินกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่า กทม.จะทำงานยากสักนิดหนึ่ง แต่อย่างน้อยที่สุดโครงการคลองลาดพร้าวของเรา ไม่ว่าจะปักเสาเข็มก็ก้าวหน้าไปแล้ว และอีกส่วนหนึ่งก็คือ ในสิ้นปีนี้ บ้านของ พอช.ที่ทำงานใน 50 ชุมชนจะก้าวขึ้นเป็น 40% เช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่าโครงการนี้จะสำเร็จ และจะส่งผลให้นโยบายของรัฐบาลมีผลสัมฤทธิ์ที่สมบูรณ์” รมช.มหาดไทยกล่าว
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ กล่าวว่า พอช.มีเป้าหมายสนับสนุนการสร้างบ้านใหม่ตามโครงการ ‘บ้านประชารัฐริมคลองลาดพร้าว’ เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคง เปลี่ยนจากการบุกรุกที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแลเป็นการเช่าอย่างถูกกฎหมาย ระยะเวลาเช่าช่วงแรก 30 ปี หลังจากหมดสัญญาสามารถทำเรื่องเช่าต่อได้อีก ขณะที่กรุงเทพมหานครก็สามารถสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯได้ โดยมีเป้าหมายทั้งหมด 50 ชุมชน รวม 6,841 ครัวเรือน ในพื้นที่ 8 เขต คือ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม ซึ่งขณะนี้สนับสนุนการสร้างบ้านไปแล้ว 34 ชุมชน ก่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว 2,592 ครัวเรือน ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการดำเนินการ
“ส่วนรูปแบบบ้านนั้น ชาวชุมชนจะกำหนดเอง ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถว 2 ชั้น ขนาดประมาณ 4x7 ตารางเมตร เมื่อรื้อย้ายบ้านออกจากแนวคลองและเขื่อนฯ แล้ว ชาวชุมชนก็สามารถสร้างบ้านใหม่ได้ทันที ใช้เวลาไม่เกิน 1 ปีก็สามารถเข้าอยู่ได้ ทำให้ชุมชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง บ้านเรือนสวยงาม มีสภาพแวดล้อมที่ดี โดย พอช.สนับสนุนงบพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้แก่ชาวบ้านครัวเรือนละ 50,000 บาท งบอุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยครัวเรือนละ 25,000 บาท งบแบ่งเบาผู้ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 72,000 บาท นอกจากนี้ยังสนับสนุนสินเชื่อครัวเรือนละไม่เกิน 330,000 บาท ผ่อนชำระคืนภายใน 20 ปี แต่หากอยู่อาศัยในชุมชนเดิมไม่ได้ ชาวบ้านต้องรวมตัวกันไปหาซื้อที่ดินใหม่ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้วหลายชุมชน” ผอ.พอช.กล่าว
นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่า กทม. กล่าวว่า การสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวจะทำให้พื้นที่คลองเปิด ทำให้การขุดลอกคูคลองได้ง่ายขึ้น มีทางระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้น และนอกจากเรื่องระบายน้ำแล้วยังเป็นเรื่องทางสัญจรด้วย เพราะเป็นนโยบายของทางกรุงเทพมหานคร คือ “ล้อ ราง เรือ” ซึ่งในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อนั่งเรือแล้วไปขึ้นรถไฟฟ้า
“ส่วนเรื่องกลุ่มผู้ที่คัดค้านและยังไม่เข้าร่วมโครงการทำให้การก่อสร้างเขื่อนฯ ล่าช้า และทาง กทม.มีมาตรการจะใช้ ปว.44 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายนั้น ขณะนี้จะให้เจ้าหน้าที่เขตทั้ง 8 เขตเข้าไปพูดคุยอีกครั้งหนึ่งก่อน แต่ถ้าพูดคุยแล้วยังไม่เรียบร้อย เพื่อให้งานเดินและให้เสร็จตามเป้าอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้ ปว.44 ซึ่งทางรองผู้ว่า กทม. นายจักรพันธ์ ผิวงาม ที่คุมสำนักระบายน้ำจะเป็นผู้พิจารณาและนำเสนอผู้ว่าฯ อีกครั้งภายใน 1- 2 เดือนนี้” นายสกลธีกล่าว
รองผู้ว่า กทม.กล่าวด้วยว่า การก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคลองลาดพร้าวตามสัญญาจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2562 แต่จากปัญหากลุ่มชาวบ้านที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 470 หลังในพื้นที่ริมคลองลาดพร้าว 8 เขต ทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถเข้าไปตอกเสาเข็มได้ตามเป้าหมาย จึงคาดว่าจะทำให้การก่อสร้างเขื่อนต้องล่าช้าออกไปพอสมควร
ทั้งนี้ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 (พ.ศ.2502) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจในการติดประกาศเพื่อให้ผู้รุกล้ำลำคลองรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน หากยังดื้อแพ่งและไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของที่ดินราชพัสดุริมคลองได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มแกนนำชุมชนริมคลองประมาณ 70 รายที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำที่ดินราชพัสดุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการในชั้นอัยการ
โครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำมีระยะทางทั้งหมด 45.3 กิโลเมตร บริษัทริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,645 ล้านบาท เริ่มโครงการวันที่ 15 มกราคม 2559 กำหนดแล้วเสร็จ 27 มิถุนายน 2562 ระยะเวลา 1,260 วัน รูปแบบเป็นเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก มีรั้วกันตก และประตูระบายน้ำ เริ่มสร้างจากอุโมงค์เขื่อนยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง (บริเวณปากคลองแสนแสบ) เขตวังทองหลาง ไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม
ปัจจุบันตอกเสาเข็มได้ระยะทางประมาณ 18.2 กิโลเมตร คิดเป็นเนื้องานประมาณ 33.27 % ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าแผนงาน จึงคาดว่า กทม.จะต้องขยายสัญญาการสร้างเขื่อนฯ ให้แก่บริษัทรับเหมา เนื่องจากติดปัญหาบ้านเรือนที่รุกล้ำคลองและแนวเขื่อนฯ ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ และเข้าร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เพื่อคัดค้านโครงการในประเด็นต่างๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |