'ป๋าเปรม' ในวันที่ใกล้ร้อย


เพิ่มเพื่อน    

      หักปากกาเซียน!

      วันที่มีข่าว....ปีนี้ "ป๋าเปรม" ไม่เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้บรรดา คณะรัฐมนตรีรัฐบาล คสช. แม่ทัพนายกองอวยพรวันเกิดครบ ๙๘ ย่าง ๙๙ ปี เหตุผลแพทย์แนะนำไม่อยากให้ท่านยืนนาน

      วิจารณ์กันไปร้อยแปดพันเก้า

      "ป๋า" ป่วยหนักบ้าง

      "ป๋า" เดินไม่ไหว ต้องนั่งรถเข็นบ้าง

      ฝั่งไม่ชอบ "ป๋า" ว่ากันหนัก ถึงขั้นบอกว่า "ป๋า" กลับมายาก!

      ก็เป็นอันจบเสียงวิจารณ์ ๑๐.๐๐ น. วานนี้ (๒๖ สิงหาคม) ชายวัยชราที่อายุย่างเข้า ๙๙ ปี สวมเสื้อผ้าไหมสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำวันเกิดท่าน

      ไปทำบุญวันเกิดที่อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

      เข้าถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช

      สีหน้าสดชื่น แจ่มใส ยิ้มทักทายทุกคน

      ไม่ตอบคำถามนักข่าวเรื่องการบ้านการเมือง

      แค่ส่งยิ้มให้ด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนเดินทางกลับ

      นั่นคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

      เป็นอีกปีที่เราเห็น "ป๋าเปรม" เคยเป็นอย่างไร ปีนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

      สุขภาพท่านอาจโรยราไปบ้าง แต่ก็แข็งแรงมากที่สุด เมื่อเทียบกับคนอายุเฉียด ๑๐๐

      "ป๋า" เป็นคนหนึ่งที่มีความชัดเจนเรื่อง คนดี-คนเลว

      ตัวท่านเป็น "เสาหลักทางจริยธรรม"

      เป็นแบบอย่างของ "คนซื่อสัตย์สุจริต"

      ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

      ไม่กอบโกยเพื่อพวกพ้อง และคนในตระกูล

      เอาง่ายๆ มีใครจำได้บ้างว่า "ป๋า" มีพี่น้องกี่คน

      เคยมีข่าวฉาวว่า "ป๋าเปรม" เคยเอื้อประโยชน์ให้คนในตระกูล "ติณสูลานนท์" หรือโคตรโกง โกงทั้งโคตร บ้างหรือไม่?

      เราแทบไม่เคยได้ยินคนที่ชื่อ....

      นายชุบ ติณสูลานนท์

      นายเลข ติณสูลานนท์

      นางขยัน ติณสูลานนท์

      นายสมนึก ติณสูลานนท์

      นายสมบุญ ติณสูลานนท์

      นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์

      อาจมีคนแย้งว่าพี่น้องของ "ป๋า" เหล่านี้เกือบทั้งหมดถึงแก่กรรมไปนานแล้ว

      ก็จริงครับ

      แต่....นับตั้งแต่อดีตหลายสิบปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ลูกหลาน "ติณสูลานนท์" ไม่เคยถูกครหาว่าโกงบ้านกินเมือง

      ไม่เคยถูกชี้หน้าว่าโกงจนบ้านเมืองย่อยยับ!

      ตระกูลนี้ไม่เคยแม้จะคิดสร้างความแตกแยกในสังคม

      นั่นเพราะพื้นฐานของชีวิตที่บ่มเพาะให้รักชาติมากกว่ารักชีวิตตัวเอง

      ลองคิดตาม....

      ชายหนุ่มวัยเพียง ๒๑ ปี เรียนแค่ปี ๓ แต่ถูกผลักเข้าไปในสนามรบ!

      สงครามอินโดจีน

      เป็นผู้บังคับหมวด มีทหารในบังคับบัญชาเป็นทหารกองหนุน ทั้งๆ ที่เมื่อวานยังใส่ยูนิฟอร์ม ของนักเรียนนายร้อย อยู่เลย

เป็นนายทหาร ที่ได้รับการติดดาว และรับกระบี่กันกลางสนามรบ ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ทุกวินาทีหมายถึงชีวิต

      ๓ เดือนสงครามยุติ แต่...ที่ตั้งเค้าทะมึนคือสงครามเอเชียบูรพา

      ร้อยตรีเปรม อยู่ในสนามรบสงครามโลกครั้งที่สองนานถึง ๔ ปี

      ท่านถึงย้ำความรักชาติแก่คนรุ่นหลัง ที่เกิดมาสบายกว่า อยู่เสมอเมื่อมีโอกาส

      แต่...บางคนกลับบอกว่า "ป๋าเปรม" พูดเรื่องรักชาติพร่ำเพรื่อเกินไป

      ก็อยากรู้ว่า....หากคนคนนั้นมีประสบการณ์ต้องผ่านสงครามโลก กินนอนอยู่กับปืนตลอดเวลา แบบ "ป๋าเปรม" จะพูดถึง "ชาติ" อย่างไร

      มีการแปลความเรื่องรักชาติ เป็นเรื่องล้าหลัง อนุรักษนิยม

      เป็นเรื่องของพวกขวาจัด

      ยืนฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย

      ราวกับว่าประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยมาได้ เพราะฝีปากของนักการเมือง ที่เอาแต่อ้างว่า...มาจากการเลือกตั้ง

      ชีวิตบางทีก็เหมือนฟ้าลิขิต...

      "ป๋าเปรม" ไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง

      ๘ ปีบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งไปจนถึงวันสุดท้ายในตำแหน่งผู้บริหารประเทศ "ป๋าเปรม" พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ยึดติด

        "ผมไม่อยากเป็น"

        "ผมไม่พร้อมที่จะเป็น"

      แต่สุดท้ายท่านจำต้องรับตำแหน่ง

        "......ผมขอขอบคุณที่พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผมให้มาเป็นผู้นำคณะรัฐบาล ผมขอสำนึกและจดจำในความปรารถนาดีและความอบอุ่นที่พี่น้องประชาชนได้ให้แก่ผมตลอดไปไม่รู้ลืม กับขอสัญญาว่า ผมและรัฐมนตรีทุกคนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม โดยถือประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นหลักสำคัญ....."

      ค่ำวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๑ บรรดาหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองรวม ๕  พรรค ไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมใจกันขอให้ท่านรับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

      "ป๋าเปรม" พูดสั้นๆ

        "ขอขอบคุณ ได้ตัดสินใจแล้วว่า ผมขอพอ ไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยประคับประคองประชาธิปไตยกันต่อไปด้วย"

      ครับ....เคยมีนักการเมืองรู้สึกถึงคำว่า "พอ" แบบนี้บ้างหรือไม่

      "ป๋าเปรม" ถูกจับไปโยงการปฏิวัติ รัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า

      ว่า...เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

      มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่านเป็นนายทหารแบบอย่าง แม่ทัพนายกองรุ่นหลังให้ความเคารพนับถือ เป็นหนึ่งในศูนย์รวมของกองทัพ การลากเข้าไปเกี่ยวข้องจึงเป็นเรื่องง่าย

      แต่การจับโยงไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่วนหนึ่งต้องคิดในมุมกลับว่า การรัฐประหารมีต้นตอจากอะไร โดยเฉพาะ ๒ ครั้งหลังสุด

      เมื่อไม่กี่วันนี้มีวิวาทะระหว่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพรรคเพื่อไทย ว่าด้วยเรื่องต้นเหตุของการรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

      คุณอภิสิทธิ์บอกว่าเพราะการโกงในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

      ส่วนพรรคเพื่อไทยตอบกลับว่าเพราะพรรคประชาธิปัตย์ โดย กปปส. ชัตดาวน์ประเทศ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้ง

      แล้วของจริงคืออะไร

      คุณอานันท์ ปันยารชุน เคยพูดไว้หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ไม่กี่วัน

        "...รัฐประหารในเมืองไทยเกิดขึ้นหลายครั้ง และหลายครั้งผมก็ไม่เห็นด้วย และหลายครั้งผมก็เข้าใจเหตุผล คราวนี้ผมก็เข้าใจเหตุผลว่า มันมีความจำเป็นบางอย่างที่จะต้องทำ และผมก็แน่ใจว่าบางคนในห้องนี้ บางคนก็อาจเห็นด้วยกับผม บางคนก็อาจไม่เห็นด้วยกับผม มันจะเป็นของแปลกหรือ...."

        "....ถ้าเป็นรัฐประหารที่ต้องทำเพราะคิดว่าประเทศนั้นกำลังจะสูญเสียประชาธิปไตย อันนี้สำคัญมาก  ทุกครั้งที่เกิดรัฐประหารไม่ได้หมายความว่า 'ทำลาย' ประชาธิปไตย แต่อาจจะมีรัฐประหารหลายแห่ง หลายครั้งในโลกต่างๆ ที่อาจจะต้องรัฐประหารเพราะประเทศกำลังจะสูญเสียประชาธิปไตย...."

      ประเด็นนี้เกือบจะมีการพิสูจน์ให้เห็นเป็นประวัติศาสตร์ เพียงแต่ภารกิจในวันนั้นไม่สำเร็จ

      นั่นคือกรณี กบฏแมนฮัตตัน

      ศุภการ สิริไพศาล และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เรียบเรียงเอาไว้ว่า การก่อกบฏแมนฮัตตัน สืบเนื่องมาจากสาเหตุ ๓ ประการ คือ

      ประการที่ ๑ ความไม่พอใจในการบริหารประเทศของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม สมัยที่ ๒ ซึ่งคณะรัฐประหาร พ.ศ.๒๔๙๐ สนับสนุน โดยทหารเรือเห็นว่า รัฐบาลของคณะรัฐประหารมิได้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง ใช้วิธีเผด็จการโดยปรับปรุงกรมตำรวจให้มีลักษณะเป็น "กองทัพ" เพื่อข่มขู่ประชาชน และกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างทารุณและไร้มนุษยธรรม

      ประการที่ ๒ ความตึงเครียดระหว่างทหารบกและตำรวจกับทหารเรือ ซึ่งมีมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยที่ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างสนับสนุนผู้นำต่างกัน ทหารบกสนับสนุนจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทหารเรือสนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์ ส่วนตำรวจนั้นมีปัญหากระทบกระทั่งกับทหารเรืออยู่เสมอและได้กล่าวหาทหารเรือในเรื่องที่มักให้ผู้กระทำความผิดประเภทใช้อาวุธปล้นจี้หลบซ่อนในเขตทหารเรืออีกด้วย

      ประการที่ ๓ ความเสื่อมโทรมในกองทัพเรือ เพราะรัฐบาลไม่ไว้วางใจและไม่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ครั้งกบฏวังหลวง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๒ มีการตัดกำลังนาวิกโยธินลง เพราะเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพเรือและรัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาให้กองทัพเรือไม่เพียงพอที่จะนำมาปรับปรุงกองทัพได้

      กบฏแมนฮัตตันเป็นภาคต่อจากกบฏวังหลวงซึ่งบุคคลที่ได้ก่อการนั้น เป็นคนคนเดียวกับที่ช่วยอาจารย์ปรีดีหลบหนี แต่ฝ่ายอาจารย์ปรีดีพ่ายแพ้ไป ก็เลยถูกขึ้นชื่อว่ากบฏ

      ลองคิดเล่นๆ หากทหารเรือชนะในวันนั้น แทนที่จะกลายเป็นกบฏ ฝั่งอาจารย์ปรีดาจะกลับเข้าสู่อำนาจ โฉมหน้าประเทศไทยอาจไม่เหมือนวันนี้

      ฉะนั้นเมื่อเอ่ยถึงรัฐประหารในประเทศไทย แม้คณะรัฐประหารส่วนใหญ่ทำเพื่อตัวเอง แต่บางครั้งกลายเป็นการฉีกตำราอย่างที่คุณอานันท์เคยแสดงความเห็นเอาไว้

      เรื่อง "ป๋าเปรม" กับการรัฐประหาร มีหลายมิติที่ซ่อนอยู่ หากจะว่าต่อคงยาว.....

      ตบตูด....เอาใจช่วย "สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล" ล้ม เส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายซีกขวายังขยับไม่ได้

      "สมศักดิ์เจียม" อายุเพิ่งจะครบ ๖๐ หมาดๆ ที่ปารีสมีหมอเก่งๆ เยอะ

      คงจะอยู่ได้อีกยาว.

ผักกาดหอม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"