โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าถ้าเขาถูกถอดถอน (impeached) ตลาดหุ้นจะดิ่งเหว และผู้คนจะยากจนกันเป็นทิวแถว

       แถมยังประกาศอย่างเกรี้ยวกราดว่า “คุณจะถอดถอนคนที่มีผลงานดีเลิศได้อย่างไร?”

       ทรัมป์ออกมาพูดอย่างนี้ แสดงว่าเริ่มจะมีความกังวลแล้วว่าการที่ลูกน้องเก่าสองคนกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและถูกข้อหารุนแรงที่อาจจะโยงถึงเขา อาจจะนำไปสู่การที่ถึงขั้นต้องหลุดจากตำแหน่ง

       อดีตทนายความคนดังของทรัมป์ที่ชื่อไมเคิล โคเฮน ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ เมื่อยอมรับระหว่างขึ้นศาลว่าเขาได้จ่ายเงินให้กับผู้หญิงสองคนเพื่อปิดปากไม่ให้พูดถึงเรื่องที่เธอเคยแฉว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับทรัมป์

       ที่ว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่ เพราะเป็นครั้งแรกที่นายโคเฮนยอมรับว่าทรัมป์เป็นคนสั่งให้เขาจ่ายเงินสองก้อนนี้

       แม้โคเฮนจะไม่ได้ระบุชื่อทรัมป์ แต่เขาบอกว่าคนสั่งเขาคือ “ผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดี” ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากทรัมป์

       ที่ยิ่งจะสั่นสะเทือนมากขึ้น ก็เพราะทนายของโคเฮนบอกว่าลูกความของเขา “พร้อมจะให้ความร่วมมือ” กับคณะอัยการอิสระที่นำโดยอดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอซึ่งกำลังสอบสวนข้อหาว่ารัสเซียได้เข้ามาแทรกแซงกระบวนการการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพื่อช่วยทรัมป์

       จะไม่ให้ทรัมป์ดิ้นหนักได้อย่างไร ในเมื่อทนายของโคเฮนบอกว่า “คุณโคเฮนมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่ผมเชื่อว่าจะเป็นที่สนใจของคณะอัยการอิสระ”

       อีกด้านหนึ่ง อดีตผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ที่ชื่อพอล มานาฟอร์ต ถูกคณะลูกขุนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าเขามีความผิด 8 กระทง ฐานยื่นเอกสารขอคืนภาษีเงินได้เป็นเท็จ 5 กระทง ฉ้อโกงธนาคาร 2 กระทง และความผิดฐานไม่แจ้งการถือครองบัญชีการเงินการธนาคารในต่างประเทศอีก 1 กระทง

       ทั้งสองกรณีนี้มีความผิดอาญาที่ต้องติดคุกทั้งนั้น

       ทรัมป์ทำท่าว่าจะพยายามใช้อำนาจบริหารให้อภัยโทษมานาฟอร์ต แต่ออกมากระหน่ำโคเฮนที่ไปให้ความร่วมมือกับการสอบสวนจนถึงขั้นที่อาจพร้อมเปิดโปงความลับที่เป็นอันตรายต่ออนาคตการเมืองของทรัมป์

       คำถามคือทรัมป์จะโดน “ถอดถอน” ได้หรือไม่?

       ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎกติกาที่เกี่ยวข้องบอกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจจะตั้งข้อหาประธานาธิบดีขณะที่ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในประเทศได้

       แต่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ก็เปิดทางให้ถอดถอนประธานาธิบดีได้โดยผ่านกระบวนการรัฐสภา

       ความผิดอะไรที่จะเข้าสู่กระบวนการ impeachment ได้?

       รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เขียนไว้ว่า การถอดถอนประธานาธิบดีทำได้ในกรณีที่มีความผิด “ฐานกบฏต่อชาติ, รับหรือให้สินบนหรืออาชญากรรมร้ายแรงหรือความผิดทางอาญาอื่นๆ” (treason, bribery, or other high crimes or misdemeanors)

       กระบวนการถอดถอนทรัมป์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

       จะต้องเริ่มในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งก็อาศัยเพียงเสียงข้างมากเท่านั้น

       แต่การไต่สวนจะทำในวุฒิสภา หรือ Senate และการจะมีมติให้ถอดถอนทรัมป์หรือไม่ต้องใช้เสียงสองในสาม

       ย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ แล้ว วุฒิสภายังไม่เคยมีเสียงถึงสองในสามเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีอเมริกันคนไหนเลย

       วันนี้ พรรครีพับลิกันของทรัมป์มีเสียงข้างมากทั้งสองสภา ดังนั้นโอกาสที่จะมีการขับเคลื่อนให้ถอดถอนทรัมป์จึงเป็นเรื่องยาก

       แต่ก็ไม่แน่

       เพราะจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นการเลือก ส.ส.ใหม่หมด 435 คนและหนึ่งในสาม (หรือ 33 คน) ของ 100 คนในวุฒิสภา

       หากผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมาก ทรัมป์ก็อาจจะเจอกับชะตากรรมทางการเมืองที่น่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง

       กรณีของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ถูกกล่าวหาว่า “เบิกความเท็จ” และ “ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม” เพราะโกหกเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสาวฝึกงานโมนิกา เลวินสกี้ ก็ไปไม่ตลอดถึงขั้นถอดถอน

       สภาล่างลงมติ 228-206 ในข้อหาแรก

       และ 221-212 ในข้อหาที่สอง

       แต่พอเรื่องถูกส่งไปถึงวุฒิสภาในปี 1999 เสียงที่จะถอดถอนห่างไกลจาก 2-3 หรือ 67 เสียงจากสมาชิก 100 คนมาก เรื่องก็จึงตกไป

       กรณีของอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน นั้นเมื่อสภาเริ่มกระบวนการนี้ และเสียงในวุฒิสภาทำท่าว่าจะมากพอที่จะถอดถอนเขา นิกสันก็ชิงประกาศลาออกก่อน จึงไม่มีการลงโทษด้วย impeachment แต่อย่างใด

       ผู้นำสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งที่ถูกเข้ากระบวนการนี้คือแอนดรู ยอห์นสัน ประธานาธิบดีคนที่ 17

       เขาสั่งปลดรัฐมนตรีสงครามเอ็ดวิน สแตนตัน เพราะความแตกต่างทางความคิด แต่ยอห์นสันรอดการถูกถอดถอนอย่างหวุดหวิด เหตุเกิดปี 1868

       ขาดแค่เสียงเดียวก็จะได้ครบ 2 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา

       จากนี้ไปต้องจับตาความเคลื่อนไหวของทรัมป์ทุกฝีก้าว เพราะดูจากพฤติกรรมของเขาตั้งแต่ขึ้นมามีอำนาจแล้วประเมินได้ว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

       ไม่มีอะไรเข้าข่าย “เกินความคาดหมาย” อีกต่อไป!