ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกแล้ว สื่อเมืองผู้ดีตีข่าวสาวอังกฤษถูกมอมยาข่มขืนที่เกาะเต่า เข้าแจ้งความตำรวจ รับแจ้งแค่ของหาย แต่ปัดคดีข่มขืน "บิ๊กแป๊ะ" สั่งด่วนระดมกำลังเร่งคลี่คลาย ท้องที่เต้น ผบก.สุราษฎร์ธานีแจงตรวจสอบแล้ว ยันไม่มีการแจ้งความถูกข่มขืน และผู้เสียหายก็เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ฮึ่มเพจท้องถิ่นรายงานเท็จ เตรียมฟัน
เมื่อวันอาทิตย์มีรายงานว่า เพจ CSI LA ได้อ้างถึงหนังสือพิมพ์ “เดลีเมล์” ของอังกฤษ เสนอข่าวหญิงสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี ที่เดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อนที่หาดทรายรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ถูกวางยาจนไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืน หลังจากที่นั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อไปแจ้งความ ปรากฏว่าตำรวจรับแจ้งความเพียงทรัพย์สินหาย ได้แก่ โทรศัพท์มือถือไอโฟน และเงินสด 3 พันบาท แต่ไม่รับแจ้งความกรณีถูกข่มขืน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดใกล้กับจุดที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส.ฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์ ถูกฆาตกรรม และฝ่ายหญิงถูกข่มขืนด้วย เมื่อปี 2557
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจได้รับข้อมูลมีผู้ร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ว่านักท่องเที่ยวถูกข่มขืนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ และกรณีเกิดเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวบ่อยครั้งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2561 ที่เกาะเต่า แต่ผู้เสียหายได้มาแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน เป็นกรณีผู้เสียหายแจ้งความโทรศัพท์มือถือและเงินหาย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนไม่ได้รับแจ้งว่าถูกข่มขืน ขณะนี้ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานีได้สั่งการให้ สภ.เกาะพะงัน และ สภ.เกาะเต่า เร่งตรวจสอบกล้อง CCTV หรือพยานหลักฐานอื่นๆ ย้อนหลังในบริเวณที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะเรียกพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงต่อไป
ในส่วนของกรณีเหตุลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะพะงัน เกาะเต่า และเกาะสมุยนั้น ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และกำหนดมาตรการ แนวทางการป้องกันเกี่ยวกับการลักทรัพย์นักท่องเที่ยวบนรถโดยสาร และเรื่องการร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลว่ามีการข่มขืนนักท่องเที่ยวของพื้นที่เกาะพะงัน เกาะเต่า โดยให้เร่งรัดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหามาตราการป้องกันเหตุ เพิ่มความเข้มในการออกป้องกันปราบปรามจุดเสี่ยง และชุดสืบสวนลงพื้นที่ทำการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากร หรือบุคคลเฝ้าระวัง บุคคลพ้นโทษ อีกทั้งหากมีเหตุเกิดขึ้นให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
"กรณีนักท่องเที่ยวร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่าถูกข่มขืนนั้น กำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งชุดสืบสวนได้ร่วมกันบูรณาการกับตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน เร่งรัดติดตามคดีต่อไป และในส่วนของการร้องเรียนเหตุเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ภ.จว.สุราษฎร์ธานีกำลังเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรับทราบปัญหาและวางแผนการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีได้มีการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด มีการกวดขันจับกุมคนร้ายที่ประทุษร้ายต่อทรัพย์ ป้องกันปราบปรามเสพติดอย่างเข้มงวด รวมทั้งชาวต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้ามาอาศัยในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด ทางเจ้าหน้าที่ได้กวดขันจับกุมและผลักดันออกนอกประเทศไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวดและกำชับการปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป
"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยบูรณาการการปฏิบัติร่วมกัน และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวหรือพักอาศัยในประเทศไทย และขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนกรณีเกิดเหตุด่วน เหตุฉุกเฉินกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สามารถแจ้งสายด่วน 1155 ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
ด้านความเคลื่อนไหวที่ จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.เกาะพะงัน ชี้แจงว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษพร้อมเพื่อนชาย ได้เข้าแจ้งความที่โรงพักว่าทรัพย์สินสูญหายบนเกาะเต่า พนักงานสอบสวนจึงจะให้ไปแจ้งความที่ สภ.เกาะเต่า เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ แต่ทั้ง 2 คนอ้างไม่สะดวก เจ้าหน้าที่จึงรับแจ้งความไว้ โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนระบุว่าจะนำไปยื่นกับบริษัทประกันที่ทำไว้ และไม่ได้แจ้งหรือระบุว่าโดนข่มขืนหรือถูกทำร้ายร่างกายมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับแจ้งความของหายตามที่ผู้เสียหายต้องการ จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับประเทศ และมีข่าวระบุว่าโดนข่มขืนที่เกาะเต่า ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบาร์และร้านที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง รวมถึงสอบปากคำพยานบริเวณจุดที่อ้างว่าโดนข่มขืน เพื่อนำข้อมูลและข้อเท็จจริงมาประกอบกัน
วันเดียวกัน ที่ บก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เรียกประชุมด่วนตำรวจที่เกี่ยวข้อง หาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยในส่วนของตำรวจ สภ.เกาะเต่า และ สภ.เกาะพะงัน เป็นการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่ง พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.เกาะพะงัน รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ได้มี น.ส.อีสเบล วิกตอเรีย แบ็กเตอร์ อายุ 20 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนชายชาวต่างชาติแถบยุโรป เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่าได้ทำโทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 3,000 บาท หายที่บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. และไม่ยืนยันว่าถูกโจรกรรมหรือทำหายเอง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ทราบว่าผู้เสียหายจะต้องเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่ น.ส.วิกตอเรียอ้างว่าไม่สะดวกและไม่ประสงค์จะดำเนินคดี เพียงแต่ต้องการหลักฐานไปแจ้งเคลมกับประกันภัยเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงได้อำนวยความสะดวก และยืนยันว่าผู้เสียหายไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกข่มขืนแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.ท.นพา เสนาทิพย์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เกาะเต่า รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ได้มีเจ้าของไฮโฮสเทล พื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะเต่า แจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ คือ น.ส.วิกตอเรีย ได้ส่งข้อความมาหา แจ้งว่าขณะที่พักอยู่ที่เกาะเต่า ได้ถูกคนร้ายข่มขืนและชิงโทรศัพท์มือถือไป และขอให้เจ้าของโฮสเทลรับผิดชอบ ซึ่งหลังรับแจ้ง ตำรวจเกาะเต่าได้เข้าตรวจสอบทันที รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่ปรากฏว่าในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายอ้างถึงนั้น ทิ้งระยะห่างเกินไปทำให้ไม่มีภาพบันทึกไว้ และเมื่อจะสอบปากคำผู้เสียหาย ปรากฏว่าได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พบว่า น.ส.วิกตอเรียเดินทางเข้ามาประเทศไทยทางด่านสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.61 แจ้งถิ่นที่อยู่ที่วายออคิดวิลล่า ถนนพระอาทิตย์ ในเขต สน.ชนะสงคราม กทม. โดยกำหนดอยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 11 ส.ค.2561 และพบว่าได้เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 ก.ค.2561 ทางด่านสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี และโฮสเทลที่ผู้เสียหายเข้าพัก เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการเดินทางเข้ามายัง จ.สุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบเหตุข่มขืนตามที่ผู้เสียหาย และสื่อต่างประเทศรายงานข่าว รวมถึงเว็บเพจส่วนบุคคล ขณะนี้ได้รายงานข้อเท็จจริงเสนอไปยัง ผบ.ตร.แล้ว นอกจากนี้ยังได้มอบหมายฝ่ายกฎหมายตรวจสอบที่มาของข่าว ซึ่งพบว่ามีเว็บไซต์แห่งหนึ่งซึ่งใช้ชื่อแหล่งท่องเที่ยวของ จ.สุราษฎร์ธานี เสนอข่าวในลักษณะไม่เป็นจริง เข้าข่ายนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นการกระทำต่อเนื่อง หลังจากเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 ราย ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตบนหาดทรายรี ต.เกาะเต่า เมื่อปี 2557 เป็นต้นมา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |