ปวดหัวฉิบหาย!!!


เพิ่มเพื่อน    

        ยุคก่อนๆ...แค่มีแต่เฉพาะ แดง กับ เหลือง ก็เรียกว่า ปวดหัวตายห่าพอสมควรแล้ว แต่ยุคนี้ สมัยนี้...นอกจาก แดง กับ เหลือง ยังไม่คิดจะล้มหายตายจาก ยังมีเขียว ฟ้า น้ำเงิน คราม มี เอาบิ๊กตู่-ไม่เอาบิ๊กตู่, เอาบิ๊กตู่-แต่ไม่เอาบิ๊กป้อม, เอาชวน-แต่ไม่เอาอภิสิทธิ์ ฯลฯลฯลฯ เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ ชนิดแทบไม่รู้ไผเป็นไผ ใครเป็นใคร ไปแล้วทุกวันนี้...

                                  ------------------------------------------------

                คือคงต้องยอมรับว่า...แนวโน้มของสังคมโดยทั่วไป ไม่ว่าสังคมไทยตลอดไปจนสังคมโลกเอาเลยโน่นแหละ ลักษณะของการย่อยแยกแตกกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกฉีกกระชากออกมาเป็นชิ้นๆ อาจต้องถือเป็นลักษณะเด่น หรือลักษณะพิเศษ ของสังคมยุคใหม่ โลกยุคใหม่ ไปแล้วก็ว่าได้ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อสังคมแต่ละสังคม หนีไม่พ้นต้องพึ่งพาอุปกรณ์ เครื่องมือ ในการติดต่อ สื่อสาร ระหว่างกันและกัน ด้วยเทคโนโลยีประเภทอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ หรือโซเชียลมีเดียทั้งหลาย ที่โดยคุณลักษณะของเทคโนโลยีชนิดนี้ ที่มันรวมเอา ความเป็นส่วนตัว กับ ความเป็นส่วนรวม เข้ามาผสมปนเปกันและกันอย่างชนิดแทบแยกออกจากกันไม่ได้ เลยยิ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ความแตกต่าง หลากหลาย ยิ่งเพิ่มขึ้นไปยิ่งขึ้นเท่านั้น...

                                  ------------------------------------------------

                เรียกว่า...การหาทางสร้างเอกภาพ ความสมานฉันท์ ปรองดอง ในขอบเขตพื้นที่ใหญ่ๆ น่าจะทำได้ยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ต่างไปจากการตอบสนองความถูกอก ถูกใจ ของกลุ่มก้อนผู้ที่มีวาสนาและสันดานเดียวกัน ที่สามารถทำให้ รสนิยมส่วนตัว อาจกลายเป็น รสนิยมในทางส่วนรวม ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ประเภทที่ทำอะไรแปลกๆ บ้าๆ แวบเดียว...อาจส่งผลให้เกิดการกดไลค์ ระดับแสนไลค์ ล้านไลค์ ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเอาเลยก็ยังมี การย่อยแยกแตกกระจายไปตามรสนิยม หรือตามอารมณ์ ความรู้สึกของใคร-ของมัน จึงกลายเป็น ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธได้ ไปแล้วก็ว่าได้...

                              ----------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าใครก็เถอะ ที่คิดจะเล่นกับอารมณ์ ความรู้สึกของสังคม ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงประเภทรื่นเริง บันเทิง อย่างเช่น ดารา นักร้อง นักแสดง ทั้งหลาย พึงต้องคิดหน้า-คิดหลังไว้ให้จงหนัก ว่าสังคมในยุคอินเทอร์เน็ต สังคมโซเชียลมีเดีย มันคงไม่ใช่เรื่องที่จะไปหันซ้าย-หันขวาอะไรได้ง่ายๆ แม้จะมี ติ่ง อยู่เยอะแยะมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถดำรง รักษา ได้อย่างคงทน ถาวร ไปโดยตลอด เพราะการดัง-การดับ การขึ้น-การลง ในสังคมยุคใหม่นั้น มันวูบไปวูบมา ไปเร็ว-มาเร็ว ซะยิ่งกว่า ผีพุ่งใต้ เผลอแวบเดียว...ไม่เพียงแต่ ติ่งหาย อาจต้องกลายเป็น เหยื่ออันโอชะ ของพวกที่มีรสนิยมหนักไปทาง อภิมหาซาดิสต์ ซึ่งมีอยู่เยอะแยะมากมาย จนอาจถือเป็นผู้คนส่วนใหญ่ของโลกโซเชียลมีเดียเอาเลยก็ว่าได้...

                                  ----------------------------------------------------

                แต่ในบางครั้ง บางครา สังคมชนิดนี้มันก็มีส่วนช่วยให้เกิด ปรากฏการณ์ ที่น่าสนใจ น่าตื่นตา ตื่นใจมิใช่น้อย อย่างเช่นที่มันช่วยให้การวิ่งไป-วิ่งมา ของคุณน้อง ตูน บอดี้สแลม กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ระดับย่อมๆ ของบ้านเมืองขึ้นมาจนได้ กลายเป็นกระแสที่ไม่ว่าใครคิดจะเดินสวนทาง คิดจะสวนควันปืน มีแต่ตาย...กับ...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!! โดยที่ตัว น้องตูน ไม่ต้องเสียเวลาออกมาตอบโต้ อธิบาย ชี้แจงแถลงไขเอาเลยก็ยังได้ หรือโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจใดๆ มาบังคับ เพราะ ติ่ง ที่มีอยู่เป็นล้านๆ พร้อมจะปกป้องคุ้มครอง พร้อมจะฟาดฟันกับบรรดาผู้ที่งี่เง่าทั้งหลาย ชนิดแทบโงหัวไม่ขึ้น...

                              --------------------------------------------------------

                แถม ปรากฏการณ์ ดังกล่าว...กลับกลายเป็นตัวหลอมละลายให้ฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าสีไหนต่อสีไหน กลุ่มไหนต่อกลุ่มไหน หันมาถักทอบูรณาการความรู้สึกแห่งความปรองดอง สมานฉันท์ ความเป็นเอกภาพไปในแนวทางเดียวกัน ชนิดทำให้ความเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้-ไทยอีสาน ถูกกระชับเข้ามาเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน ตลอดเส้นทางการวิ่งไป-วิ่งมาของคุณน้องตูนตั้งแต่ใต้จรดเหนือ แม้ยังไม่มีนักคิด นักวิชาการรายใด ออกมาให้คำอธิบายถึงตื้น-ลึก-หนา-บาง ของปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นระบบ แต่หลายต่อหลายรายต่างก็เชื่อกันว่า...น่าจะเป็นปรากฏการณ์แบบเดียวกับที่ทำให้เกิด สิ่งมหัศจรรย์ ในหมู่บรรดาพสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย เมื่อช่วงงานพระราชพิธีที่เพิ่งพ้นไป อันเป็นที่ตื่นตา ตื่นใจ งุนงง สงสัย ต่อบรรดาชาวต่างชาติเป็นจำนวนไม่น้อย...

                               -------------------------------------------------------

                จริง-ไม่จริง...อันนี้คงต้องไปคิดๆ กันเอาเอง แต่ด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าวนี่แหละ ที่นักคิด นักวิชาการ บางราย อย่างเช่น อาจารย์ ธีรยุทธ บุญมี ท่านเชื่อของท่านว่า ถือเป็น กระบวนการตรวจสอบ ที่ไม่ได้ขาดหาย จางหาย ไปจากสังคมไทยเอาเลยแม้แต่น้อย แถมไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ หรืออยู่กับกระบวนการเก่าๆ แต่กำลังพร้อมยกระดับถึงขั้นคิดจะ ก้าวข้าม อะไรก็ตาม ที่เป็นตัวฉุดรั้งสังคมไทย ให้วนไป-วนมาอยู่กับ วงจรอุบาทว์ มาโดยตลอด ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นนักการเมืองหรือทหาร รายหนึ่ง รายใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้...ก็เอาเป็นว่า แม้ว่าบ้านเมืองช่วงนี้ออกจะเป็นอะไรที่น่าปวดหัวฉิบหาย แต่ก็ได้แต่หวังว่า ขอให้ข้อสันนิษฐาน ข้อสมมุติฐาน ของอาจารย์ ธีรยุทธ มีโอกาสเป็นไปตามนั้นด้วยเทอญญ์ญ์ญ์...

                                 ------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon...Sorrow looks back, worry looks round, faith looks up.- ความทุกข์มองไปข้างหลัง ความวิตกกังวลมองไปรอบๆ ความหวังมองสู่เบื้องบน...”

                                 -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"