หลังจากมีผู้คนบนโลกออนไลน์เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ขณะที่คนขับแท็กซี่กลับพูดจาแทะโลมสาวประเภทสองคนหนึ่งและชวนเข้าโรงแรม ขณะที่ผู้โดยสารรายนี้กำลังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่เพื่อไปทำงาน ถือเป็นเรื่องที่ทำให้วงการแท็กซี่กลับมาเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ก็มักจะมีข่าวประเภทนี้ออกมาต่อเนื่องกัน
    สำหรับแท็กซี่ที่เป็นประเด็นในขณะนี้ ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “‎บังเอิ๊ญ บังเอิญ” โดยระบุว่า “เมื่อเช้าของวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา น้องสาวได้นั่งรถแท็กซี่ไปทำงาน แล้วคนขับก็ชวนน้องเราเข้าโรงแรม... ”คนขับแท็กซี่พูดว่า “พี่ก็ไม่ใช่เทวดาหรอกนะ แต่ว่าน้องก็อาจจะเห็นสวรรค์ได้ ถ้าโดนพี่ไปน่ะ สนหรือเปล่า” ซึ่งฝ่ายสาวก็ได้ปฏิเสธไป
    แต่คนขับแท็กซี่ยังไม่หยุดความหื่น บอกว่าจะออกค่าโรงแรมให้ แถมเอ่ยชื่อว่าจะพาเข้าโรงแรมชื่อดังระดับ 5 ดาว อีกด้วย รวมทั้งยังถามผู้โดยสารสาวด้วยว่า “ผ่าหรือยัง” เมื่อผู้โดยสารบอกว่ายัง ก็รีบตอบกลับทันทีว่า “ยังไม่ได้ผ่า เดี๋ยวพี่ทำให้ ชอบจริงๆ เลย” และพูดจาลวนลามต่อ และหัวเราะอย่างชอบใจ
    ต่อมา นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้มีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนผ่านคลิป กรณีมีผู้โพสต์คลิปแท็กซี่หื่น ชวนลูกค้าเข้าโรงแรมนั้น ตามภาพที่ปรากฏเป็นรถแท็กซี่ คันหมายเลขทะเบียน ทศ 7796 กทม. สีฟ้า ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง บริษัท ไทยเอซลิสซิ่ง จำกัด มีนายธเนศเป็นผู้ขับรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว พขร.ให้มารายงานตัวในวันที่ 23 ม.ค.นี้
    สำหรับความคืบหน้าล่าสุดโดยกองตรวจการขนส่งทางบกได้ดำเนินการติดตามตัว นายธเนศ บุญเสริมทรัพย์ ผู้ขับรถแท็กซี่ คันหมายเลขทะเบียน ทศ 7796 กทม. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ เลขที่ 47000061 ออกโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ และถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2558 โดยนายธเนศให้การว่า ได้รับผู้โดยสารจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อไปส่งบริเวณป้ายรถเมล์หน้าวัดเสมียนนารี เวลาประมาณ 09.00-10.00 น. และยอมรับว่าได้มีการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมกับผู้โดยสารตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง
    อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกดำเนินการในส่วนของผู้ขับรถมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ มาตรา 57ฉ ประกอบมาตรา 66/2 เปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ฐานขับรถขณะถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ มาตรา 65 เปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท
    ส่วนเจ้าของรถมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์  พ.ศ.2522 ฐานยินยอมให้บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าขับรถ เนื่องจากผู้ขับรถถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 60 จึงได้เปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ฐานไม่จัดส่งประวัติผู้ขับรถให้นายทะเบียน ตามมาตรา 5 (15) ประกอบมาตรา 58 จึงเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนรถคันดังกล่าวต่อไป
    จะว่าไปแล้ว สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมขนส่งทางบก ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็มักจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาคนขับแท็กซี่นอกรีดเหล่านั้น แม้จะออกกฎมาเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิด แต่แท็กซี่บางรายก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด แม้จะจับตัวผู้กระทำความผิดได้ ก็มักจะแก้ตัวว่าทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะต้องหามาตรการอะไรมาป้องกันให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัย
    จึงไม่แปลกใจที่กรมการขนส่งทางบกพยายามแก้ไขปัญหาระบบการให้บริการของแท็กซี่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ ภายใต้ชื่อโครงการว่า “แท็กซี่โอเค” (TAXI OK) และ “แท็กซี่แบบพิเศษ หรือวีไอพี” (TAXI VIP) เพื่อยกระดับการให้บริการแท็กซี่ไทยสู่มาตรฐานสากล ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความปลอดภัย และศักยภาพในการเข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็ว ภายใต้การดูแลและสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งมาตรฐานใหม่นี้มีผลบังคับใช้กับแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ม.ค.นี้
    ก็ได้แต่หวังว่าแท็กซี่ทั้งหลายที่ให้บริการจะมีจิตสำนึกในการให้บริการที่อุ่นใจโดยการส่งผู้โดยสารถึงบ้าน ก็ได้แต่หวังว่าจากนี้ไปแท็กซี่นอกรีตทั้งหลายที่ปะปนอยู่กับแท็กซี่ดีๆ คงจะเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองกันบ้าง.

กัลยา ยืนยง