ชาวขอนแก่นสุดทน!แจ้งจับปลัดเทศบาลเมืองบ้านไผ่กับพวกสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย120ล้าน3 ปียังไม่เสร็จจนถนนทรุดตัว


เพิ่มเพื่อน    

 

24ส.ค.61-จากกรณีชาวอ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พ่นสีสเปรย์ประจานการทำงานของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชน วงเงิน 120 ล้านบาทของเทศบาลเมืองบ้านไผ่มานานเกือบ 3 ปีแต่ยังคงไม่แล้วเสร็จ จนเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดเป็นหลุมขนาดใหญ่ลึก 3 เมตรตามข่าวที่ได้นำเสนไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 24 สิงหาคม 2561 ที่ สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายอภิชัย บางปา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 437/20 ถนนประชุมธนสาร ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ พร้อมด้วย นายสมร ผลราษฏร์ล้ำ อายุ 52 ปี และนายบุญเกิด ศรีลา อายุ 50 ปี  นำเอกสารหลักฐานพร้อมภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชน วงเงิน 120 ล้านบาท เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยมี พ.ต.ท.วีระ หางนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านไผ่ รับแจ้งความในเรื่องดังกล่าวไว้

นายอภิชัย แกนนำชาวบ้านชาว อ.บ้านไผ่ กล่าวว่า การแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดีกับว่าที่ ร้อยตรีวัทธิกร ทรงยศวัฒนา ปลัดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ รักษาการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่และพวกที่มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการกระทำความผิดเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชนในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตร 157 เพื่อเกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

เนื่องจากเมื่อประมาณปี 2558 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน บริษัทกิจการร่วมค้า MSB ได้ทำสัญญาการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชนในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งมีการดำเนินการเรื่อยมาเป็นเวลา 3 ปี ถนนสายต่างๆในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการก่อสร้าง เป็นหลุมเป็นบ่อ  ผู้สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้เกิดหลุมยุบขนาด 3x5 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตรกลางถนนมนตรี เกิดความเสียหายจากการก่อสร้าง ซึ่งผู้รับเหมาได้มีการเบิกค่าก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว

" ในฐานะประชาชนชาว อ.บ้านไผ่ และอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ เห็นว่า การก่อสร้างโครงการดังกล่าว ไม่มีมาตรฐาน ไม่ผ่านเกณฑ์ตามหลักวิศวกรก่อสร้าง จึงขอให้หน่วยงานระดับสูงลงพื้นที่มาตรวจสอบแก้ไขปัญหาการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชนในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่อย่างจริงจัง เพราะการก่อสร้างครั้งนี้มีการตรวจ รับงานที่ไม่โปร่งใส ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่อทุจริต ทำให้รัฐเสียหาย และ ไม่มีการควบคุมการจ้าง การตรวจงาน และเมื่อถนนชำรุด ยุบตัวก็ไม่มีการซ่อมแซมให้ใช้การได้ดี เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลเมืองบ้านไผ่"

ขณะที่ พ.ต.ท.วีระ หางนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า  การแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าวนี้เกิดจากการที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ และต้องการให้มีการสอบสวนเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งภายหลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ มาสอบสวนในรายละเอียด จากนั้นก็จะพิจารณาว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างในครั้งนี้ มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องนั้น ส่อในทางมิชอบ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ  ปปง.เพื่อให้มีการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชน ที่กำลังเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไผ่นั้น ได้มีการดำเนินการภายใจสัญญาเลขที่ 46/2559 ลงวันที่ 13 กันยายน 2559 ในสมัยที่ นายจิระบูรณ์ ปัญญารัตนวงศ์ รองนายกเทศมนตรี รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ในฐานะผู้ว่าจ้าง ให้บริษัทกิจการร่วมค้า MSB ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว จำนวนเงิน 99,050,000บาท ในสัญญาระบุไว้ว่าจ่ายเงินค่าจ้างเป็นงวดๆ รวม 13 งวด แต่การก่อสร้างต้องแล้วเสร็จตามสัญญาภายในวันที่ 26 มกราคม 2561  ปรากฏว่า เมื่อครบสัญญา งานก่อสร้างก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ถนนสายต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างกำรุดเสียหาย และยังคงไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

                                 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"