24ส.ค.61-ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการจังหวัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัดกาญจนบุรี อดีตอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ)ที่มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธานฯ  และมีบทบาทในการผลักดันการปฏิรูปต้นทางกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยที่กำลังมีปัญหาอยู่ในเวลานี้จนถูกมองว่า"คนชั่วลอยนวล คนดีตกเป็นแพะ คนจนติดคุกฟรี" กล่าวถึงปัญหาดังกล่าวว่า "ถามดังๆระบบสอบสวนตามแบบมาตรฐานสากลประชาชนต้องการหรือไม่?"      
                                                         
1. การออกหมายค้นหมายจับจะต้องให้อัยการรับรองก่อนเสนอต่อศาล เพื่อตรวจสอบเหตุผลความจำเป็นในการค้นหรือการจับ สร้างหลักประกันสุจริตชนจากความเดือดร้อนอย่างไม่เป็นธรรม   
                                   
2. เมื่อใดที่มีการจับประชาชนจะต้องให้อัยการตรวจสอบการจับที่สถานีตำรวจภายใน 24 ชั่วโมงว่าการจับมีเหตุผลหรือพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ และมีการข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายประชาชนหรือไม่ เพื่อป้องกันการยัดข้อหาคนบริสุทธิ์       

3. การแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องให้อัยการรับรองข้อหานั้นเสียก่อนเพื่อให้อัยการตรวจสอบว่ามีพยานหลักฐานแน่นหนาที่จะฟ้องคดีพิสูจน์ให้ศาลลงโทษได้ เพื่อป้องกันคนบริสุทธิ์ต้องถูกคุมขังก่อนอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี      
                 
4 อัยการจะสั่งฟ้องคดีได้ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานแน่นหนาจนมั่นใจว่าจะได้มาซึ่งคำพิพากษาลงโทษได้เท่านั้น เพื่อป้องกันการฟ้องคนบริสุทธิ์และป้องกันไม่ให้อาชญากรลอยนวลจากคำพิพากษายกฟ้อง เพราะภายหลังจะดำเนินคดีคนนั้นอีกไม่ได้        
                   
5 เมื่อพบว่ามีการสอบสวนที่ไม่เป็นธรรมประชาชนต้องสามารถร้องเรียนให้อัยการเข้ามาตรวจสอบการสอบสวนได้ทันทีเพื่อป้องกันการบิดเบือนพยานหลักฐานหรือการปฏิบัติมิชอบ

6 ให้อัยการมีอำนาจที่จะไปตรวจสอบพยานหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุได้ทันทีหากเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม                           
       
7 กรณีที่ตำรวจไม่รับแจ้งความประชาชนสามารถไปแจ้งความสำนักงานอัยการทั่วประเทศเพื่อให้อัยการพิจารณาดำเนินคดีแทนได้            

8 หากมีการขังผู้ต้องหาและภายหลังอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องประชาชนจะต้องได้รับค่าชดเชยระหว่างการถูกคุมขังก่อนมีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น