ทิศทางขายตรงไทยในอีก 2 ปี


เพิ่มเพื่อน    


    กระแสของกลุ่มธุรกิจความงามยังคงมาแรง โดยหนึ่งในช่องทางที่เติบโตด้วยผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอาง ต้องยอมรับว่าธุรกิจขายตรงมีส่วนสำคัญของการผลักดันเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าจากปัจจุบันธุรกิจขายตรงมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 71,000 ล้านบาท ในปี 2561 คาดการณ์กันว่าจะเติบโตราว 3% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 จากปัจจัยด้านความเอาใจใส่ของผู้บริโภค ทั้งในเรื่องสุขภาพและความงาม ผู้บริโภคยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีกว่า
    นับว่าสอดคล้องกับตลาดขายตรงที่ผู้ประกอบการต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามที่มีนวัตกรรมและแตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันเทรนด์ของผู้บริโภคที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของเพื่อนมีมากขึ้นในยุคดิจิทัล เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดขายตรง แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเครือข่าย Money Game และแชร์ลูกโซ่ที่เน้นให้ผลตอบแทนจากแผนการลงทุนที่ผิดกฎหมาย ยังคงแฝงตัวอยู่ในอุตสาหกรรมขายตรงไทย นับเป็นปัญหาเรื้อรังและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
    สุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล นายกสมาคมการขายตรงไทย ที่เพิ่งเข้าดำรงตำแหน่ง โดยมีวาระ 2 ปี (กรกฎาคม 2561- มิถุนายน 2563) ของการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ กล่าวถึงแนวทางนับจากนี้ว่า จะยังคงสานต่อนโยบายเดิม ในการผลักดันการเติบโตต่อเนื่องให้กับอุตสาหกรรมการขายตรงไทย ควบคู่ไปกับสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมขายตรง ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในสายขายตรงให้รู้จักปรับตัว ก้าวให้ทันกับโลกสมัยใหม่ในยุคดิจิทัล ภายใต้นโยบาย “4C Plus” ที่จะนำพาอุตสาหกรรมขายตรงไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องบนโลกดิจิทัล เพื่อก้าวทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
    สำหรับรายละเอียดของนโยบายดังกล่าวมีทั้งเรื่องของ Core Culture คือการส่งเสริมและปลูกฝังการมีจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ และนักธุรกิจขายตรงที่ยึดมั่นในคุณธรรมและจรรยาบรรณ สร้างความเชื่อถือต่อผู้บริโภคและนักธุรกิจทุกภาคส่วน ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกและนักธุรกิจสังกัดบริษัทน้ำดี ที่ได้รับการการันตีจากสมาคมการขายตรงไทย รวมถึง Community & Charity การเสริมสร้างภาพลักษณ์อุตสาหกรรมขายตรงไทย และการทำความดีตอบแทนสังคม ให้เป็นที่รู้จักของทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ กิจกรรม Campus Training กับกลุ่มนักศึกษา และการทำกิจกรรมเพื่อการกุศลกับผู้ด้อยโอกาส และร่วมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง และสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์โดยรวมแก่ผู้บริโภค และสมาชิกของสมาคม
    ส่วนข้อต่อมาของนโยบายจะเป็นเรื่องของ  Competitiveness & Righteousness ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทสมาชิก และนักธุรกิจขายตรงให้เข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่อย่างรวดเร็วบนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง เรียนรู้และให้ความสำคัญในการทำธุรกิจให้โดดเด่นทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์ ใช้สื่อต่างๆ เป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และ Connection & Development การเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง รวมถึงคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของผู้บริโภค ตลอดจนการสร้างสายสัมพันธ์ ความสามัคคีของกลุ่มสมาชิกในสมาคม และการขยายฐานสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น เผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนจรรยาบรรณขายตรงที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้สนใจได้ศึกษาก่อนการตัดสินใจ
    แน่นอนว่าธุรกิจขายตรงก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ต้องปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน แต่ผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงนั้นก็มีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ควรต้องปรับปรุง โดยการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่นั้น ทำให้มีการพัฒนารูปแบบการจัดประชุมและการจัดอบรมออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัย
    แต่อาจหลงลืมประโยชน์ที่เคยได้รับจากการทำตลาดแบบออฟไลน์ ซึ่งมีตัวกลางการสื่อสารเป็นนักธุรกิจ เน้นให้คุณประโยชน์ในด้านการสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับลูกค้า ซึ่งอาจนำมาซึ่งการทำให้สายสัมพันธ์ในการทำธุรกิจห่างเหินออกไป หรือเรียกกันว่า Hitech-Low Touch นั่นเอง ดูเหมือนว่าทางสมาคมเองก็จะมองเห็นความสำคัญเรื่องดังกล่าวไม่ใช่น้อย จึงมองว่าควรช่วยกันปลูกฝังวัฒนธรรม ค่านิยม และแนวคิด เพื่อให้นักธุรกิจหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจกับการทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ในแบบ Hitech-Hi Touch และได้ทำธุรกิจแบบ Win-Win
    การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จะให้ผลบวกกับธุรกิจขายตรงเป็นอย่างมาก หากผู้ประกอบการและนักธุรกิจสามารถนำมาใช้อย่างถูกต้อง รวมถึงนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผลิตสินค้าออกมาอย่างมีคุณภาพและถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจขายตรงดำรงอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน มิใช่เพียงแค่ฉาบฉวย เพียงแค่เพราะเทรนด์ที่เป็นไป คงต้องมารอดูกันต่อไปว่านโยบายจากคณะการทำงานชุดใหม่จะผลักดันให้ขายตรงของไทยเปลี่ยนแปลงในทิศทางไหนอย่างเป็นรูปธรรมได้บ้าง. 

รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"