บุกรวบแม่เล้าวัย 19 พาเด็กสาววัย 15 ขายตัวในโรงแรม รับทั้งเงินสดและยาบ้า ตำรวจเผยเป็นเครือข่ายยาเสพติด "ร้อยเอ็ดมันทุกเม็ด" พฤติกรรมสุดทราม แม่พาลูกขายตัว พ่อข่มขืนลูกก่อนส่งค้ากาม ที่ชัยภูมิ ดีเอสไอร่วมกรมการปกครองทลายร้านคาราโอเกะค้ามนุษย์ เจ้าของร้านแฉ "ดาบ" ท้องที่เรียกรับส่วยเดือนละหลายหมื่น ผกก.โต้แอบอ้าง ปลงพร้อมโดนเด้ง
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 22 สิงหาคมนี้ ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.เดชชาติ มูลมณี รอง ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.4 ควบคุมตัว น.ส.อรษา อายุ 19 ปี อยู่บ้าน ต.บ้านแมด อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ สอบปากคำ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.2 บก.สส.ภ.4 จับกุมตัวได้ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี
พ.ต.ท.เดชชาติเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 ฯ ทำการจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย "ร้อยเอ็ดมันทุกเม็ด" และทำการสอบสวนขยายผลทราบว่า ไม่เพียงแต่ค้ายาเสพติด แต่ยังมีการค้าประเวณีแลกกับยาเสพติดด้วย ซึ่งในทางการสืบสวนพบว่า ในเครือข่ายของขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ บางรายแม่พาลูกไปค้าประเวณี บางรายพ่อข่มขืนลูกตัวเองก่อนจะส่งไปค้าประเวณีแลกยาบ้า ซึ่งเมื่อลูกถูกกระทำบ่อยครั้ง ลูกก็เกิดความชินชา ก้าวสู่ขบวนการค้าประเวณีด้วยตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย คือ 15 ไม่เกิน 18 ปี
ต่อมามีสายรายงานว่า จะมีการค้าประเวณีเพื่อแลกกับยาเสพติด ตำรวจจึงได้วางแผนที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยได้ให้สายลับไปดักรอที่โรงแรมดังกล่าว กระทั่งมีหญิงสาว 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในโรงแรม สายจึงเข้าไปติดต่อทำทีขอซื้อบริการ โดย น.ส.อรษาทำหน้าที่แม่เล้า เรียกค่าตัวเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท เมื่อแม่เล้ารับเงิน เจ้าหน้าที่จึงเข้าขับกุมตัวทันที สอบสวน น.ส.อรษารับสารภาพว่า มีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดมาติดต่อให้หาหญิงสาวอายุ 15 ปีไปขายบริการทางเพศให้กับเพื่อนในโรงแรมม่านรูด โดยจะรับค่าขายบริการเป็นเงินสดหรือยาเสพติดก็ได้
ขณะที่ น.ส.บี ให้การว่า เดิมพ่อถูกจับในคดียาเสพติด และติดคุกที่เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนมารดาไปทำงานที่พัทยา ส่งเงินให้ใช้อาทิตย์ละ 500 บาท แต่ไม่พอใช้ เพราะต้องการกินเที่ยวกับเพื่อนๆ เมื่อพ่อแม่ไม่อยู่บ้านจึงเลิกเรียนหนังสือ ตัดสินใจไปอยู่หอพักกับเพื่อนในเมืองร้อยเอ็ด ไม่มีงานทำ จึงรับงานขายประเวณี ได้ค่าจ้างทั้งเงินสดและยาเสพติด เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายยาเสพติดและเป็นเพื่อนพ่อ นอกจากนี้ ลูกค้ายังบังคับให้เสพยาก่อนจะร่วมประเวณีด้วย
ที่ อ.เมืองชัยภูมิ เวลา 01.00 น. วันที่ 22 ส.ค. ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดยนายมานะ สิมมา ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา และนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับ สืบสวนและปราบปราม ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดชัยภูมิ นำโดยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ, นายเจนเจตน์ เจนนาวิน นายอำเภอเมืองชัยภูมิ, พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ และองค์กรระหว่างประเทศด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ LIFT international ได้เปิดแถลงผลการสนธิกำลังเข้าจับกุมขบวนการลักลอบค้าประเวณีและค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อมูลว่า ร้าน "วรรณศิริ คาราโอเกะ" ใน อ.เมืองชัยภูมิ มีการลักลอบค้าประเวณี และมีเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปีให้บริการด้วย โดยขายบริการเฉลี่ยรายละ 1,200 บาท ทางร้านจะหักค่าตัวครั้งละ 300 บาท เข้าข่ายกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ อธิบดีกรมการปกครองจึงมีคำสั่งให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับดีเอสไอ ฝ่ายปกครองจังหวัดชัยภูมิ และเอ็นจีโอ เข้าตรวจสอบวางแผนล่อซื้อและจับกุมเจ้าของร้าน "วรรณศิริ คาราโอเกะ" คือ น.ส.กาญจนา ทองล้วน พร้อมพนักงานหญิงที่ลักลอบค้าประเวณีอยู่ภายในร้าน รวม 7 คน เป็นคนไทยทั้งหมด ตรวจสอบเบื้องต้นพบเด็กหญิงอายุ 16 ปี จำนวน 2 คนรวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าของร้านวรรณศิริ คาราโอเกะ ยังอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ยศดาบตำรวจนายหนึ่งมาเรียกรับส่วยด้วย เพราะพบว่าทางร้านไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และปล่อยให้มีการเปิดลักลอบค้าประเวณี โดยมีการจ่ายเงินให้เป็นค่าดูแลในแต่ละเดือนหลายหมื่นบาท
ซึ่งชุดจับกุมได้ตั้งข้อหา น.ส.กาญจนา เจ้าของร้าน ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี และข้อหาค้ามนุษย์ ส่งตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
มีรายงานว่า บริเวณที่ตั้งร้านวรรณศิริ คาราโอเกะ คนในพื้นที่ต่างทราบดีว่าเป็นศูนย์รวมร้านคาราโอเกะจำนวนมาก และส่วนใหญ่ลักลอบค้าประเวณี จนชาวชัยภูมิเรียกย่านดังกล่าวว่า "ตึกทำเนียบขาว"
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ยืนยันว่า ไม่มีดาบตำรวจที่มีชื่อเรียกรับส่วยร้านคาราโอเกะดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองชัยภูมิแต่อย่างใด และหากตนจะต้องถูกย้ายออกจากพื้นที่ในครั้งนี้ก็พร้อมรับปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนใครจะมาแอบอ้างอะไรก็เป็นเรื่องที่กล่าวอ้างกันได้ ยืนยันไม่มีตำรวจพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด เพราะได้ตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |