อึ้ง!พันตำรวจเอกถอดหัวโขนขับจยย.รับจ้างเลี้ยงครอบครัว ยามก็เป็นมาแล้ว อาชีพสุจริตไม่ต้องอายใคร


เพิ่มเพื่อน    

22 ส.ค.61-เปิดใจ พ.ต.อ.เกษียณขี่ จยย.รับจ้างดังในโลกโซเชียลแชร์กระหน่ำ แถมเคยรับจ้างเป็นยามเฝ้าโรงน้ำแข็งวและร้านทอง ไม่สนใครจะรังเกียจ ถือว่าเป็นการทำมาหากินโดยสุจริต

โลกโซเชียลแชร์กระหน่ำ เพิ่งรู้ว่าลุงคนขี่รถ จยย.รับจ้างคนหนึ่งมียศถึง พ.ต.อ.รับตำแหน่งเป็นผู้กำกับ ขี่มา 20 กว่าปีแล้ว บางคนถึงกับอึ้ง

นี่คือข้อความในเฟสบุ๊คที่โลกโซเชียลแชร์กันมีข้อความว่า ตะลึงทั้งประเทศ จากพันตำรวจเอก กลายเป็นวินมอไซค์รับจ้าง ถึงกับตกตะลึงกันไปทั้งบาง เมื่อพบความจริงว่า ลุงวินมอไซค์คนนี้ แท้จริงเป็นตำรวจที่มียศถึง พันตำรวจเอก ใครที่เคยไปใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากทางเข้าโรงเรียนตำรวจภูธร 2 หรือ ปัจจุบันคือศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 2 จังหวัดชลบุรี

น่าจะเคยใช้บริการของวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหมายเลข 16 กันบ้างแล้ว แต่มีใครรู้บ้างไหมว่าชายคนนี้เป็นใคร พันตำรวจเอก ธีระศักดิ์ พบศิลา หรือ "ลุงอู๊ด" ที่ใครๆในละแวกนั้นต่างรู้จักกันดี มีอาชีพเสริมคือการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่บริเวณหน้าปากทางเข้าศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 2 จังหวัดชลบุรีในขณะนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ถึงได้มาทำอาชีพนี้ รายได้จากการเป็นตำรวจมากน้อยแค่ไหน แล้วอาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างส่งผลอะไรกับชีวิตรับราชการหรือไม่ มีคำตอบอยู่ตรงนี้ครับ

ผู้สื่อข่าว ได้ติดตามไปพบ ลุงอู๊ด กล่าวว่า ตนจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธร 2 ซอยเขาน้อย ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2519 และ รับราชการตำรวจระดับชั้นประทวนมาอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งหาเวลาว่างไปเรียนเพิ่มเติมจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และ ได้สอบเลื่อนชั้นขึ้นเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ ร้อยตำรวจตรี จนถึงยศขณะนี้คือ พันตำรวจเอก

และได้เล่าเรื่องราวของเขาและครอบครัวให้ฟังว่า เงินเดือนจากการเป็นข้าราชการตำรวจนั้นไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่เขามี เหตุเพราะเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย และ มีครอบครัวซึ่งมีบุตร 3

คน จากภาวะด้านการเงินที่เกิดขึ้น และ นิสัยส่วนตัวของเขาซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ได้ยึดติดกับการเป็นข้าราชการ หรือ หัวโขนของการเป็นตำรวจ และ

ขณะนั้นลุงอู๊ดมียศ สิบตำรวจโท เท่านั้น จึงพูดคุยกับภรรยาคือ เจ๊กุ้ง ช่วยกันมองหาหนทางทำมาหากิน เพื่อจะสร้างครอบครัวให้มีความมั่นคงทางการเงิน หรือ อย่างน้อยก็ให้เอาตัวรอดจากสภาวะเศรษฐกิจให้ได้ โดยที่ไม่ต้องไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรจะต้องทำ

ต่อมาทั้งสองได้พบว่า การขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้นเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง ซึ่งให้เวลาในการดูแลลูกๆได้เต็มที่เท่าที่ต้องการ และ สามรถสร้างรายได้ให้มากพอจนไม่ต้องใช้ชีวิตลำบากมากนัก จึงได้ตัดสินใจที่จะทำอาชีพเสริมโดยการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างกันทั้งสองคน

นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว และแม้เมื่อลุงอู๊ดจะสอบเลื่อนชั้นขึ้นเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้แล้ว แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งอาชีพการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในทุกครั้งที่มีเวลา แต่ที่ทำให้ตะลึงมากกว่านั้น

ลุงอู๊ดบอกว่า เขายังใช้เวลาว่างในการรับจ้างเป็นยามเฝ้าโรงน้ำแข็งในเวลากลางคืนอีกด้วย และ ในบางวัน เขาก็รับจ้างเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับร้านทองในบริเวณใกล้เคียง เพื่อแลกกับค่าจ้างเพื่อเอาใช้จ่ายในครอบครัว

แม้ว่าขณะนี้ลุงอู๊ดจะมียศติดตัวเป็นถึงพันตำรวจเอกแล้วก็ตาม หลายๆกิจการปฏิเสธไม่ยอมจ้างลุงอู๊ด เหตุเพราะเขามียศที่สูงเกินไป แต่ลุงอู๊ดยืนยันหนักแน่นว่า เขาไม่ได้มาขอทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย หรือ ผิดทำนองคลองธรรม แม้เขาจะมียศที่สูงมาก แต่เขาก็ได้ทำหน้าที่ในการเป็นข้าราชการอย่างเต็มที่เสมอ และอีกหน้าที่หนึ่งที่เขายังต้องทำในชีวิต คือการดูแลครอบครัวของเขาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีพอ และ การจะทำให้ได้เป็นแบบนั้นคือการมีรายได้ที่มากเพียงพอต่างหาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะรับจ้างเฝ้าร้านทอง รับจ้างเป็นยามเฝ้าโรงน้ำแข็ง หรือ ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ตาม เขาทำเพื่อครอบครัวอันเป็นที่รักของเขาทั้งนั้น จนซื้อใจเจ้าของกิจการต่างๆได้ และยอมจ้างให้เขามาทำหน้าที่ตลอดมา

ขณะนี้ลุงอู๊ดเองได้เลือกการเกษียณอายุราชการก่อนเวลา ( เออรี่รีไทร์ ) ในตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ พันตำรวจโท และได้รับบำเหน็จโดยการเชิดชูเกียรติ

จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มยศให้อีก 1 ชั้น เป็นพันตำรวจเอก เพื่อออกมาทำอาชีพการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างเต็มเวลา ร่วมกับ เจ๊กุ้ง ภรรยาคู่ทุกคู่ยากที่ร่วมเดินในเส้นทางเดียวกันมาตลอด

วันนี้ลุงอู๊ดได้ยินยอมให้เรานำประวัติเส้นทางนักสู้ของเขามาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ โดยเฉพาะสังคมตำรวจ เพื่อเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิต คนที่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา คนที่รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา และ ลุงอู๊ดอยากฝากบอกทุกคนโดยเฉพาะตำรวจว่า อย่ายึดติดกับยศ และ ตำแหน่งมากเกินไป เป็นเหมือนหัวโขน เวลารุ่งเรืองก็มีคนสรรเสริญเยินยอ เวลาตกทุกข์หมดอำนาจวาสนาก็มีคนดูถูก ไม่มีใครจริงใจ อาชีพสุจริต เป็นอาชีพที่สูง ขอให้ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่อยู่กับเราเสมอคือครอบครัวของเรานั่นเอง ปัจจุบันใช้ชีวิตครอบครัวอย่างเรียบง่าย มีลูกสาว1คนและภรรยาคือนางลำไพ พบศิลา อายุ57ปี ที่คอยอยู่เคียงข้างกันแบบนี้และดูเหมือนว่าความรักของพี่เขาทั้ง2 ไม่ลดลงเลย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"