ถ้าหากเป็นเลือกตั้งแบบธรรมดาๆ...มันคงต้องอนุโมทนากันไปตามสภาพนั่นแหละทั่น เพราะมาถึงช่วงนี้ ณ วินาทีนี้ ก็คงไม่เหลือเงื่อนไข เหลือช่วงระยะเวลาใดๆ ที่จะมาถ่วง มารั้ง ให้ต้องเลื่อน ต้องยืดเวลาออกไป เนื่องจาก 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าใครก็ใคร ก็น่าจะ เต็มกลืน ไปแล้วด้วยกันทั้งนั้น ส่วนจะสุขแบบเต็มกลืน หรือทุกข์แบบเต็มกลืน อันนั้น...คงต้องแล้วแต่ รสนิยม ที่จะว่ากันไป ส่วนจะเป็นกุมภาฯ หรือพฤษภาฯ ปีหน้า ยังไงๆ คงหนีไม่พ้นต้อง เลือกตั้งที่รัก อยู่แล้วแน่ๆ...
---------------------------------------------------------
แต่ถ้าหากต้องเลือกกันแบบ วอร์ และ แบทเทิล หรือเลือกไป-เลือกมา...สุดท้ายต้องกลับมาทำ สงคราม กันใหม่ อันนี้นี่แหละ...ออกจะน่าห่วง น่ากังวลใจ เป็นอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ผ่านมา 4 ปี 5 ปี มันน่าจะเลิกคิด เลิกแค้น เลิกโกรธ เกลียด อาฆาต ริษยา กันได้บ้างแล้ว แต่จะด้วย เงื่อนไข หรือ เหตุปัจจัย ใดๆ ก็มิอาจสรุปได้ บรรดาพวก สัตว์สงคราม ทั้งหลาย ก็ยังดูจะกระเหี้ยนกระหือรือ พร้อมที่จะก่อหวอด สร้างเงื่อนไข สร้างเหตุปัจจัย ให้การเลือกตั้งมันต่างไปจากการเลือกตั้งแบบธรรมดาๆ หรืออาจต้องกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ สงคราม ไปจนได้...
-------------------------------------------------------
เรียกว่า...ไม่ใช่แต่เฉพาะนักการเมือง พรรคการเมืองเท่านั้น ที่ยัง แค้นตาแม้น ไม่แล้วเสร็จ กระทั่งในแวดวงศาสนาในช่วงนี้ หลายต่อหลายราย ก็เริ่มแสดงตัวเป็น เทวทัต กันบ้างแล้ว คืออาศัยศาสนาเป็นเครื่องบังหน้า ห่อหุ้มความโกรธ เกลียด เคียดแค้น ริษยา อาฆาต ซุกซ่อนอยู่ภายใน ชนิดเต็มบาตร เต็มย่าม เริ่มออกเดินสายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ ปลดล็อก อะไรเลย แต่การชุมนุม พูดคุย เสวนา เกินกว่า 5 คนขึ้นไป โดยหยิบเอาเรื่องศาสนานี่แหละ มาเป็นประเด็น เป็นหัวข้อ ดูจะลุกลาม บานปลาย กันไปมิใช่น้อย แม้ว่ารู้ทั้งรู้...ว่าการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง การปฏิรูปพระสงฆ์องคเจ้าในช่วงนี้ อาจถือเป็น ภาระอันศักดิ์สิทธิ์ เอาเลยก็ว่าได้...
------------------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อนำเอาเรื่องของ พระ มาเกี่ยวโยงกับเรื่องของ การเมือง บรรยากาศการเลือกตั้งที่น่าจะเป็นไปแบบธรรมดาๆ มันก็เลยชักกลายเป็นบรรยากาศของ สงคราม ไปจนได้ คือมันคงไม่ จบแล้ว-จบเลย หลังปิดคูหาเลือกตั้งลงไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าในเดือนไหนของปีหน้าก็ตาม เพราะบรรดาผู้ที่คิดจะ ลากยาว โดยอาศัยการเลือกตั้งเป็นแค่ จุดเริ่มต้น เท่านั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...น่าจะมีอยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นพระ จะเป็นนักการเมือง เผลอๆ...อาจลามไปถึงตำรวจหรือข้าราชการ บางกลุ่ม บางราย ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้...
---------------------------------------------------------
ส่วน มวลชน นั้น...คงไม่ต้องพูดถึง แม้นไม่อาจมานอนกลิ้ง นอนหงาย ตามถนน รนแคม ได้แบบช่วงก่อนๆ กันซักเท่าไหร่นัก แต่ด้วยประดิษฐกรรมใหม่ๆ ของเทคโนโลยีแห่งยุค 4.0 ย่อมสามารถกลายเป็นตัวรองรับ การเคลื่อนไหวมวลชน ในลักษณะใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ขึ้นอยู่กับจังหวะ และโอกาส รวมไปถึง เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ ซึ่งล้วนแล้วแต่มิอาจประมาทได้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะภายใต้สภาพสังคมที่มันยังคง สุดโต่ง ไปในด้านใด ก็ด้านหนึ่ง...
----------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...การหาทางป้องกัน หรือป้องปราม ไม่ให้การเลือกตั้งโดยปกติ ธรรมดา มันต้องกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ สงคราม ขึ้นมาในวันใด วันหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่บรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่ ผู้รับผิดชอบในการบริหาร จัดการบ้านเมือง คงต้องคิดหน้า-คิดหลัง เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ อาศัยวิสัยทัศน์อันยาวไกล สร้างแบบจำลอง ประเมินสถานการณ์ ตั้งแต่เลวสุด ไปจนดีสุด ให้ครบถ้วนสมบูรณ์กันจริงๆ อะไรที่มันยังคงเป็น เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ที่สามาถนำมากล่าวอ้าง นำมาจุดประเด็น จุดไฟในนาคร จะต้องหาทางขจัด กวาดล้าง บรรเทา เบาบาง ให้มันเหลืออยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้...
-----------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ก็คือ...จะต้องพยายามสร้าง ความชอบธรรม เอาไว้ในทุกเรื่อง ทุกราว ไม่ว่าตั้งแต่การทำให้การเลือกตั้ง เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ก่อให้เกิดข้อกล่าวหาในเรื่องสองมาตรฐาน เรื่องการใช้อำนาจ อิทธิพล ที่ไม่ถูก-ไม่ต้อง ไม่ชอบมาพากลในทุกๆ กรณี การทำให้ การเข้าสู่อำนาจ ของรัฐบาลใหม่ เป็นไปอย่างสง่างาม หรือด่างพร้อยน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ไปจนกระทั่ง การรักษาอำนาจ หรือประคับประคองอำนาจความเป็นรัฐบาล ไม่ให้มันออกไปทางน่าเกลียด น่าทุเรศ หรือน่ายี้ มากมายเกินไปนัก ฯลฯลฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่อาจพอช่วยให้การเลือกตั้ง มันเป็นไปตามกระบวนการโดยปกติ ไม่ถูกแปรรูป แปรร่าง ให้ต้องกลายเป็น จุดเริ่มต้น ของ สงครามครั้งใหม่ ดังที่กล่าวไปแล้ว...
----------------------------------------------------------------
ส่วนสำหรับใครที่มันยัง ซนไม่เลิก หรือโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต ริษยากันไม่เลิก จะใช้วิธีชวนมากินโจ๊ก กินกาแฟ หรือกินอะไรต่อมิอะไร อันนั้น...คงต้องค่อยๆ พินิจ พิจารณา เป็นรายๆ ไป เพราะถ้าดูจากอาการสู้ตาย สู้ไม่ถอย หรือถ้ายังไม่ตายไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อันนี้นี่แหละ...ต้องถือเป็น สัญญาณเตือน ว่าโอกาสเกิดรายการ เผาไทย ขึ้นมาอีกครั้ง อีกครา ก็ใช่ว่า...จะไม่มีเอาเสียเลย...
---------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Milton... “For never can true reconcilement grow, where wound of deadly hate have pierced so deep.-การคืนดีอย่างแท้จริง ยากที่จะเจริญเติบโตขึ้นได้ ตราบใดที่บาดแผลแห่งความเกลียดชังบาดลึกจนเกินไป...
--------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |