โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับมนุษย์ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แม้กระทั่งการจับจ่ายใช้สอยก็สะดวกสบายแบบสุดๆ เพราะมีเรื่องการ "ซื้อของออนไลน์" เข้ามาเติมเต็ม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยจากข้อมูลของ PayPal จากการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2559 โดยการสำรวจพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของผู้บริโภคมากกว่า 2.8 หมื่นคน ใน 32 ประเทศ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยจำนวน 800 คน ทำให้พบโอกาสใหม่สำหรับผู้ค้าออนไลน์ชาวไทยที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลยังพบอีกว่า ยอดการใช้จ่ายออนไลน์ของคนไทยในปี 2559 อยู่ที่ 3.25 แสนล้านบาท เติบโต 19% จากปี 2558 โดยคนไทยที่ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มีสูงถึงเกือบ 8 ล้านคน จำแนกในรายละเอียดลงไปอีกจะพบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ประมาณ 4.12 หมื่นบาท โดยในจำนวนคนไทยที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มี 2 ล้านคนซื้อขายออนไลน์ข้ามประเทศ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนราว 3.08 หมื่นบาท คิดเป็นยอดใช้จ่ายรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ปี 2560 ที่ผ่านมา ตัวเลขการใช้จ่ายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 3.76 แสนล้านบาท ส่วนคาดการณ์ในปี 2561 ยังเป็นทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประเมินว่านักช็อปออนไลน์ชาวไทยจะมียอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.26 แสนล้านบาท
ตัวเลขที่ปรากฏดังกล่าวเป็นตัวสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากที่เคยเดินทางไปซื้อสินค้าถึงร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็เปลี่ยนเป็นใช้เทคโนโลยีตามยุคตามสมัยตอบสนองความต้องการ และความสะดวกสบายของตัวเองมากขึ้น
ทั้งนี้ พบว่าปัจจัยที่สนับสนุนพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันไปใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้น นั่นคือความสะดวกสบายของการช็อปปิ้งออนไลน์เป็นประเด็นสำคัญ ถัดมาคือการส่งของที่รวดเร็ว นี่เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะปัจจุบันพบว่าธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ต่างๆ ในประเทศไทยได้รับความนิยมและถูกพัฒนาให้มีบริการที่หลากหลายมากขึ้น ตัดคำว่า "ผูกขาด" ทางธุรกิจไปได้แทบจะสิ้นเชิง เพราะไม่ได้มีแค่ใครที่เป็นเจ้าตลาดของธุรกิจโลจิสติกส์แบบตายตัว นี่จึงกลายเป็นอีกเหตุผลที่ว่า "การช็อปปิ้งออนไลน์" ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
อีกเหตุผลที่สนับสนุนพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันมาช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น คือ ประหยัดเงินได้มากกว่า ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าที่ถูกลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ
ด้วยความนิยมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง นับแค่ผู้ให้บริการช็อปปิ้งออนไลน์ขนาดใหญ่ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติก็มีให้เลือกอย่างมาก เปิดตัวกันหลากหลาย นำทัพสินค้าต่างๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ยิ่งเป็นการตอกย้ำนิยามของคำว่า "สะดวกสบาย" ได้เป็นอย่างดี
และเดาได้ไม่ยากว่า กลุ่มที่ให้ความนิยมเรื่องการช็อปปิ้งออนไลน์อย่างมาก คงหนีไม่พ้น "กลุ่มผู้หญิง" ด้วยความที่เป็นกลุ่มชอบใช้จ่ายอยู่แล้ว เมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามา ไม่เพียงแค่สะดวกเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปเลือกซื้อของได้อย่างมาก ทำให้มีเวลาเหลือไปจัดการชีวิตประจำวันอย่างอื่นได้มากขึ้นด้วย
อีกทั้งสินค้าส่วนใหญ่ที่นำมาขายผ่านระบบออนไลน์นั้น ก็ครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้ในครัว ของใช้ในบ้าน เครื่องประดับ เสื้อผ้า และอื่นๆ เรียกว่าครบ จบที่ช็อปปิ้งออนไลน์จริงๆ
แต่ด้วยความสะดวกสบายนี้เอง อาจทำให้นักช็อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลายละเลยวินัยทางการเงินได้ง่ายๆ ทำให้เกิดการดึงเงินในอนาคต เงินเก็บออกมาใช้จ่ายด้วยไม่รู้ตัว และบางรายกว่าจะรู้ตัวก็ต้องเจอกับคำว่า "หนี้สิน" ไปเสียแล้ว
ดังนั้น นักช็อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลาย นอกจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถใช้จ่ายได้เพียงปลายนิ้วมือเท่านั้น ก็อาจจะต้องมีสติในการคิดวิเคราะห์ด้วยว่า สินค้าที่กำลังจะกดซื้อนั้น มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไร การรู้เท่าทันเทคโนโลยี และใช้อย่างมีสติ น่าจะเป็นตัวที่ช่วยทำให้เทคโนโลยีทันสมัยที่อยู่ในมือมีประโยชน์สูงที่สุด.
ครองขวัญ รอดหมวน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |