คสช.เดินหน้าเต็มสูบ แก้ปัญชาวบ้านยั่งยืน


เพิ่มเพื่อน    

     ความชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. น่าจะชัดเจนในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากการปลดล็อกทางการเมือง เพราะตัวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธจะไม่เล่นการเมือง เพียงระบุว่า "จะอยู่ยังไงยังไม่รู้ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ

     ทั้งนี้ หากเล่นการเมืองต่อก็มีสองแนวทางคือ ลงบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมือง ที่อาจไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐที่เปิดตัวในปลายเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้ หรือรอเทียบเชิญเป็นนายกฯ คนนอกหลังการเลือกตั้ง โดยใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส. และ ส.ว.สรรหา รวมกันจำนวน 500 เสียง

 เมื่อกลับมาดูกติกา กรรมการ ตัวผู้เล่นต่างๆ ก็เอื้อให้  คสช.ครองอำนาจหลังเลือกตั้งทั้งสิ้น ผ่านรัฐธรรมนูญปี 60กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส.ว.สรรหา 250 ที่มีหน้าที่เลือกนายกฯ และองค์กรอิสระ ที่เกิดขึ้นจาก สนช. โดยมี คสช.แต่งตั้ง

     พร้อมกับกลุ่มสามมิตรก็ไปพาตัวผู้เล่นมาเสริมให้ทหาร ผ่านการดูดดาวฤกษ์ ส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสาน จากพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดโทนทางหน้าสื่อลงก็ตาม  

     เมื่อดูเงื่อนไขต่างๆ จึงไม่มีเหตุจะยื้อเลือกตั้งออกไป เพราะสถานการณ์ก็เหมือนผู้หญิงท้องแก่ ใกล้คลอดเต็มที คงฝืนธรรมชาติไม่ได้ ล่าสุด กกต.ก็กำหนดตุ๊กตาวันเลือกตั้งไว้คร่าวๆ คือ อย่างเร็วในวันที่  24 ก.พ.62 และช้าสุดคือ 5 พ.ค.62 แม้ก่อนหน้าจะมีความพยายามจาก 36 สนช. เตรียมเสนอแก้กฎหมาย กกต.เพื่อล้มผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน แต่ก็เดินไปไม่ได้หลังถูกสังคมสวดชยันโตขับไล่

     จึงเป็นเหตุให้ “ลุงตู่” ใส่เกียร์เดินหน้าโกยคะแนนเสียงเต็มที่ในฐานะนายกฯ ของคนทั้งประเทศ อย่างเช่น  นำ ครม.ลงพื้นที่ระนองและชุมพร ในวันที่ 20-21 ส.ค.  ขณะเดียวกันก็เดินหน้านโยบายในโครงการประชารัฐ ภายใต้แบรนด์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลด แลก แจก แถม ช่วยเหลือรากหญ้า 11.4 ล้านเสียง 

     ยังเก็บละเอียดทุกเม็ดเอาใจคนเมือง ลุยแก้รถติด ทั้งทางบก ทางน้ำ และระบบราง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คู่ขนานไปกับเศรษฐกิจเส้นเลือดใหญ่ผ่านโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ เอสอีซี รวมทั้งแผนพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กระตุ้นตัวเลขภาพรวมให้ดีดตัวขึ้น 

     นอกจากนี้ ยังนำโครงการไทยนิยมยั่งยืนที่ประกาศต้นปี 61 มาปัดฝุ่นให้ไฉไลกว่าเดิม โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการขับเคลื่อนการบริหารจัดการเชิงบูรณาการระหว่างภาครัฐและประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง โดยบัดนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แล้วกว่า 8,781 แห่งในทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ

     "รัฐบาลอยากเห็นประชาชนพึ่งพาตัวเองได้แบบถาวร จึงมีโครงการนี้ โดยจะไปพัฒนาทุกชุมชนให้เข้มแข็ง มีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมกระจายสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งหมด จากโครงการที่ดำเนินการคาดว่าจะสูงถึง 9.95 หมื่นล้านบาท มาจากการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท การพัฒนาเชิงพื้นที่ ชุมชน การท่องเที่ยว และกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 3.45 หมื่นล้านบาท และการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรจำนวน 3 หมื่นล้านบาท”

     ขับเคลื่อนโครงการย่อย 10 ข้อ ได้แก่ 1.สัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็นหนึ่ง คือ สร้างความสามัคคีปรองดองของทุกฝ่าย 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน เป็นการต่อยอดโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้ผู้ถือบัตรมีชีวิตที่ดีขึ้น พึ่งพาตนเองได้ 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข พัฒนาความเป็นอยู่และอาชีพในชุมชนให้ดีขึ้น 4.วิถีไทยวิถีพอเพียง คือสร้างความเข้าใจหลักเศรษฐกิจพอเพียง เสริมวินัยการออม 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่ คือสร้างวินัย หน้าที่ ความเป็นพลเมืองที่ดี 6.รู้กลไกการบริหารราชการ คือให้ความรู้และเข้าใจการบริหารงานราชการในระดับต่างๆ 7.รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม คือ รณรงค์ "เกลียดการโกง" 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี คือพัฒนาโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านให้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง 9.ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด คือเป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ 8,781 แห่งทั่วประเทศ 10.งานตามภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นๆ

     องคาพยพและกองหนุนลุงตู่ออกตัวนำไปไกล สุดท้ายหากทำให้ชาวบ้านหายจนได้ ก็อาจไม่เห็นหิมะตกในเมืองไทย.   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"