"บิ๊กตู่" หอบ ครม.ลงพื้นที่ระนอง-ชุมพร ลั่นวางยุทธศาสตร์พัฒนาใต้ต่อเนื่อง ต่างจากรัฐบาลก่อนที่แก้ปัญหาเหมือนโรคอีสุกอีใส ปลื้มชาวบ้านไม่อยากเลือกตั้งเชียร์นั่งนายกฯ ยาว ตาไวเจอยิ่งลักษณ์โผล่ต้อนรับ! แซวชื่อดี 
    เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ  รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม  เดินทางมาตรวจราชการที่ จ.ระนอง เพื่อติดตามการดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาล
    โดยเวลา 09.10 น. นายกฯ และคณะเดินทางมาถึงหอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เพื่อพบประชาชนและเป็นสักขีพยานพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ "ป่าคลองลำเลียง-ละอุ่น" เนื้อที่ 511-3-33 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง โดยมีนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองให้การต้อนรับ
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนว่า ดีใจที่ได้มาจังหวัดระนอง ต้องขอโทษที่มาช้าเพราะติดหลายจังหวัด วันนี้เราต้องช่วยกันคิดว่าจะพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้อย่างไร ซึ่งมีหลายโครงการที่จะลงมาในพื้นที่นี้ โดยเริ่มต้นในระยะแรกเพื่อความต่อเนื่องเชื่อมโยงจากของเดิม รัฐบาลนี้ไม่อยากบอกว่าให้ความหวังกับทุกคน แต่พร้อมจะให้ข้อเท็จจริงกับทุกคนว่าอะไรควรเกิดขึ้นบ้างในภาคใต้ โดยจะกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนแม่บท ถ้าอนาคตเขาจะเปลี่ยนขึ้นมาต้องเป็นความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย  รัฐบาลนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่เราทำเช่นนี้มาโดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยนำแผนงานโครงการของรัฐบาลที่ทำแล้วมาชี้แจงพูดคุยขอความเห็น และปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการ ต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งมีการพัฒนาเป็นจุดๆ เหมือนเลโกหรือตัวต่อ มีปัญหาเหมือนโรคอีสุกอีใส ไม่เชื่อมโยงกัน
    "ปัญหาที่ผมกังวลมากที่สุดคือปัญหาด้านการเกษตร เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งนับวันรายได้ยิ่งลดลง ผมไม่ได้พูดให้ทุกคนตกใจ แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไร เพราะทุกปัญหาเราต้องปรับตัว อย่าไปฟังว่าเขาจะให้นี่ให้นั่น สุดท้ายก็จะเกิดเป็นจุดๆ เพราะให้มากเกินความจำเป็น มีปริมาณมากกว่าความต้องการของตลาด ในข้อเท็จจริงเราต้องคำนึงถึงการตลาด ผลิตออกมาแล้วโยนภาระให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ สุดท้ายจะไม่มีงบประมาณมาทำด้านอื่น ทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ในการตลาด  เพราะถ้าไม่เรียนรู้ก็จะเกิดความขัดแย้งกับภาครัฐ ใครพูดอะไรก็จะหลงเชื่อไปหมด" นายกฯ กล่าว
ไม่ต้องขอก็จัดงบให้
     ทั้งนี้ขอร้องทุกคนอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ สำหรับตนไม่จำเป็นต้องขอก็พร้อมให้ ตามเหตุผลและความจำเป็นที่แท้จริง เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด ขอให้ดูว่า 4 ปีนี้เกิดอะไรขึ้นในประเทศบ้าง และอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รัฐบาลนี้ทำให้ทุกคนได้รับทราบเพื่อปรับแก้ต่อไปในรัฐบาลหน้าได้ ทุกรัฐบาลควรมีหลักการนี้ และอยากบอกว่าเรามีรถไฟมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2.5 พันกว่ากิโลเมตร  (กม.) และจะได้ทำรางคู่เพิ่มมาอีก 600 กว่า กม. รัฐบาลนี้ได้เข้ามาวางแผนจะทำต่ออีก 2 พันกว่า กม. เกือบเท่าเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา และยังมีแผนจะทำต่ออีกด้วย โดยมีแผนจะทำให้ได้ 4 พันกว่า กม. นี่เป็นความแตกต่าง ขอฝากให้ประชาชนช่วยกันดูด้วยว่ารัฐบาลใหม่จะทำหรือไม่ทำ จะพูดอย่างที่ตนพูดหรือไม่ เป็นเรื่องของทุกคนเพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง
    นอกจากนี้ รัฐบาลพยายามบริหารเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ หากมีการลงทุนหรือหนี้สาธารณะจากการกู้เงินต้องไม่เกินตัวเลขที่กำหนดตามกฎหมาย รัฐบาลระวังทุกตัวให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพราะฉะนั้นวันหน้าใครจะบอกว่ามาให้ตรงนี้ตรงนั้น ต้องถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนด้วย และคงทำไม่ได้แบบเดิมเพราะกฎหมายได้เขียนไว้แล้ว เพื่อไม่ต้องการให้ระบบการเงินการคลังของประเทศเสียหายอย่างที่ผ่านมา 
    "วันนี้ไม่ได้มาการเมือง ถ้าการเมืองแสดงว่าผมทำการเมืองมาตั้งแต่แรก ซึ่งการทำการเมืองใหม่ ต้องทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การเมืองที่แข่งกันและทำลายซึ่งกันและกัน แต่ต้องขอความร่วมมือจากท่านทุกเรื่อง เพราะกฎหมายอย่างเดียวที่สร้างความเท่าเทียม ผมก็กฎหมายเดียวกับท่านและมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเพิ่มไปอีกอัน อย่าลืมว่าคนในประเทศมีทั้งคนเลวคนดี ทุกประเทศเป็นอย่างนี้ เพียงแต่ว่าเราจะมีความละอายเกรงกลัวต่อบาปแค่ไหน แต่ถ้ารวยแล้วโกงเขามาก็น่าจะอายใช้เงินบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    นายกฯ ยังชี้แจงกรณีที่ระบุว่าจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ภายใน 3 เดือนว่า พอบอกว่าจะแก้ปัญหาใน 3 เดือน อีกพวกก็บอกว่าตนเป็นเทวดาหรืออย่างไร ตนไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะพูดว่าแก้ปัญหา 3 เดือน แต่บอกว่าให้ทุกหน่วยงานเสนอปัญหาและวิธีการเข้ามาให้ภายใน 3 เดือน เพราะตนไม่ใช่ตำรวจจราจร แต่จะเล่นงานตำรวจจราจรถ้าไม่เสนออะไรให้ดี เสนอแบบเดิมๆ ก็ไม่ให้ ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาควบคุมการจราจรของพื้นที่กรุงเทพฯ
    จากนั้นเวลา 11.00 น. นายกฯ พร้อมคณะได้เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ "บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน" ที่สวนสาธารณะรักษะวาริน ต.เขานิเวศน์ โดยระหว่างเยี่ยมชมมีนางจันทรา ส่งสกุลชัย นักร้องประจำจังหวัด ร้องเพลง "พิมานทอง" ซึ่งเป็นเพลงประจำจังหวัดระนองให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง ก่อนที่นายกฯ จะเดินทักทายประชาชนที่มาเที่ยวชมและแช่น้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งตนเองไม่ได้ทดลองแช่น้ำแร่ แต่ได้บังคับให้รัฐมนตรีแช่น้ำแร่แทน
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเที่ยวชมกิจกรรมและการดำเนินการต่างๆ พร้อมกับทดลองเล่นโยคะบนลานปูนร้อน ซึ่งไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ในบางท่า จากนั้นได้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพดี ก่อนที่จะเดินมาพบกับเด็กๆ จากโรงเรียนเทศบาลเขานิเวศน์และโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม ซึ่งนายกฯ ได้มอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนดังกล่าว ขณะที่ตัวแทนนักเรียนได้มอบของที่ระลึกเป็นผ้าปาเต๊ะเมืองระนองฝากไปถึงนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของนายกฯ ด้วย
เชียร์ 'บิ๊กตู่' อยู่ยาว
    ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับได้มีชาวบ้านที่มาต้อนรับขอถ่ายรูปกับนายกฯ พร้อมกล่าวว่าขอให้นายกฯ อยู่นานๆ ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับอมยิ้ม พร้อมกับระบุว่าถ้ามีปัญหาอะไรรัฐบาลพร้อมจะแก้ไขให้
    จากนั้นนายกฯ พร้อมด้วย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข, นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะได้เยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือกที่โรงพยาบาลระนอง ที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว ชาวไทย ชาวต่างชาติ ด้วยการนำทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มาเสริมการรักษา ด้วยระบบธาราบำบัดหรือน้ำแร่อุ่น ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัด
    ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ท่าเรือระนอง บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง พล.อ.ประยุทธ์และคณะเยี่ยมชมการบริหารจัดการท่าเรือระนอง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาท่าเรือระนองเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ชายแดนฝั่งอันดามัน เพื่อรองรับแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย จากนั้นนายกฯ ได้มอบปะการังเทียมแก่ผู้แทนประชาชน
    โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่เข้าใจว่าที่นี่มีทรัพยากรมากมาย แต่ไม่มีการพัฒนา รัฐบาลต้องเข้ามาพัฒนา ถือว่าเราเสียเวลามามากพอสมควร ซึ่งวันหน้าหวังว่าจะมีรัฐบาลเข้ามาทำสิ่งที่ตนทำไว้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะถูกเก็บเน่าไว้ทั้งหมดอยู่อย่างนี้ คือเข้ามาแล้วเหมือนไม่มีชีวิต ของที่มีอยู่ตอนนี้ก็กินบุญเก่าทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามในวันที่ 21 ส.ค.จะมีการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และประชุม ครม.สัญจร ซึ่ง จ.ระนองจะได้อะไรขอให้รอดู แต่จะให้ในสิ่งที่ควรให้ ทั้งนี้ตนมาทำงาน ไม่เอาภาษีประชาชนมาหาเสียง เงินของประชาชนต้องใช้ให้ถูกต้องและเกิดประโยชน์
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้เดินทักทายข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาร่วมงาน โดยช่วงหนึ่งได้ทักทายผู้ร่วมงานหญิงคนหนึ่งว่า "ทำไมไม่โตสักที" ก่อนจะหันไปเห็นป้ายชื่อของหญิงดังกล่าวมีชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันพิสิทธ์ เจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงพูดแซวว่า "เธอเรียนจบแล้วไม่ใช่หรือ ยิ่งลักษณ์ ชื่อดีโว้ย ชื่อเพราะดี เพราะชื่อนี้เป็นนายกฯ ด้วยไง" พร้อมกล่าวเน้นด้วยว่า  "ยิ่งลักษณ์ ไอ้เราก็ตาไวซะด้วย แต่ไม่ได้ว่าอะไรใคร ทำให้ถูกก็แล้วกัน" ก่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    ต่อมาเวลา 16.50 น. ที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมืองชุมพร  พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานสักขีพยานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ และพิธีมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ในช่วงเดินทางไป จ.ระนองและชุมพร  ระหว่างทางมีแต่เสาไฟฟ้าแต่ไม่มีไฟ บางจุดเถาวัลย์ขึ้นตกเป็นท้องช้าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)  ทำอะไร ทำไมไม่แก้ไข ขอให้ระวังตัว อย่าให้ไฟติดๆ ดับๆ บ่อยนัก อย่างไรก็ตามวันนี้มาตรวจการบ้าน  ขอให้พรุ่งนี้เขียนอนาคตมาให้ดูว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อที่รัฐบาลจะวางแผนแม่บทก่อนจะมีรัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหา 
    จากนั้นนายกฯ และคณะไปเยี่ยมชมนิทรรศการ "ด้วยพระเมตตาบารมี ชุมพรวันนี้สุขร่มเย็น" ซึ่งมีการนำสินค้าจากสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร และเครือข่ายธุรกิจในจังหวัดชุมพรมาแสดง เสร็จแล้วได้เดินทางไปสักการะอนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต.หาดทรายรี.