จะเลือกตั้งในช่วงเดือนกุมภาฯ หรือพฤษภาฯ ปีหน้า หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...แต่ที่แน่ๆ ก็คือ การที่ สารวัตรเหลิม ผู้มีฉายาว่า เหลิม ดาวเทียม, เหลิม นินจา ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรอีกไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยฉายา ได้เริ่มออกมาเอะอะ โวยวาย กันบ้างแล้ว ตามสไตล์ มึงรู้หรือเปล่าว่าลูกกูเป็นใคร หรือใครเป็นพ่อกู ลูกกู ทำนองนั้น อันนี้นี่แหละ...อาจถือได้ว่า มหกรรมการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งครั้งใหม่ น่าจะเริ่มต้นเปิดผ้าม่านกั้ง อย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว...
-----------------------------------------------
คือด้วยอากัปกิริยา บุคลิคลีลา และความเป็นตัวตนของ สารวัตรเหลิม นั้น...สำหรับบรรดาเซียนการเมือง หรือมังกือการเมือง ทั้งหลาย ย่อมสามารถนำมาใช้เป็น ปรอทวัด ทางการเมืองได้เป็นอย่างดี เมื่อไหร่ที่บุคคลรายนี้ หุบปาก หรือ มุดลงใต้ดิน หรือออกอาการแบบลิเกไกรทอง ประเภท เจ้าชาละวันตัวดำ มันอยู่ในถ้ำตัวเดียว เจ้าชาละวันตัวเขียว มันอยู่ตัวเดียวในถ้ำ กบดานงำประกายอยู่ใต้น้ำ ใต้บาดาลนั้น อันนั้น...ย่อมต้องถือว่าบ้านเมืองยังอยู่ในภาวะสงบเรียบโร้ยย์ย์ย์ เรียบ-นิ่ง ไม่ถึงกับต้องห่วงใยอะไรมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่ สารวัตรเหลิม ดันโผล่ขึ้นมาตั้งถามประเภทใครเป็นลูกกู ใครเป็นพ่อกู แนวโน้มที่ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเริ่มเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เหมือนอย่างเดิมๆ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
-------------------------------------------------
เพราะตลอดช่วงระยะ 4 ปี 5 ปี ภายใต้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด แถมมีมาตราฉี่ฉิบฉี่อยู่ในมือ ของรัฐบาล คสช. แต่ยังไม่สามารถสร้างคันคะเยอใดๆ ให้กับ สารวัตรเหลิม ได้เลยแม้แต่น้อย ย่อมต้องถือเป็นตัวรับประกัน การันตี ถึงศักยภาพและประสิทธิภาพของอดีตนักการเมืองรายนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าขีดความสามารถในการรู้รอดปลอดภัย รู้ทางลม ทางเท้าและทางตีน ของฝ่ายตรงข้าม ย่อมต้องสูงเอามากๆ ถึงสามารถประคับประคองตัวเองให้ยังพอนั่งแอ่นไวน์ แบบสบายใจเฉิบมาได้จนตราบเท่าทุกวันนี้ ขณะที่เพื่อนร่วมก๊ก ร่วมก๊วน หลายต่อหลายราย ล้วนฉิบหาย ตายโหง กันไปแทบเกลี้ยงแล้ว...
--------------------------------------------------
การโผล่ออกมาจากถ้ำใต้บาดาล จากแหล่งกบดาน มาสร้าง ความเปรี้ยว ให้กับใครต่อใครในช่วงนี้...จึงย่อมถือเป็นการเปิดศักราชแห่งการสู้รบปรบมือ ตามแบบฉบับ แค้นสวาทต้องทวงคืน อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะยังปลดล็อก-ไม่ปลดล็อก ยังมีกฎหมายห้ามชุมนุมเกิน 5 คน 6 คน หรือกี่คนต่อกี่คนก็แล้วแต่ ยังไงๆ...คง “เอาไม่อยู่”ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะแค่ “สารวัตรเหลิม” รายเดียว ตัวเดียว อันเดียว แต่เพียงเท่านั้น ย่อมสามารถสร้าง “ความป่วน”ให้กับใครต่อใคร ได้ยิ่งกว่าพวกสามมิตร หรือกระทั่งสามร้อยมิตร ไม่รู้กี่สิบ กี่พันเท่า...
------------------------------------------------------
โดยเฉพาะการออกมาป่าวประกาศว่า ลูกกู จะได้เป็นรัฐมนตรี จะเกิดอาการแลนด์สไลด์ในภาคเหนือ ภาคอีสาน ประกาศว่า เผาไทย จะกวาดเก้าอี้มาไม่ต่ำกว่า 250 เก้าอี้ ชนิดอาจกลับมาเผาบ้าน เผาเมือง ได้อีกสี่ซ้าห้ารอบ ฯลฯ อันนี้...แทบไม่ต่างไปจากการประกาศสงคราม การเปิดฉาก วอร์ และ แบทเทิล กันต่อไป ในแนวที่น่าจะไม่ได้ต่างอะไรไปจากวอร์แบบเดิมๆ หรือแบทเทิลแบบเดิมๆ เท่าที่เคยส่งผลให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ต้องตกอยู่ภายใต้ ทศวรรษแห่งความมืดมน อย่างต่อเนื่องยาวนาน นับเป็นสิบๆ ปีที่แล้วนั่นแล...
--------------------------------------------------------
ส่วนการสู้กันในแบบเดิมๆ เอาชนะคะคานกันในแบบเดิมๆ...มันจะส่งผลให้อนาคตประเทศไทยอีกไม่นานนับจากนี้ จะเป็นไปในรูปไหน อย่างไร อันนั้น...คงต้องไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...โอกาสที่ชาวบ้าน ชาวช่องทั้งหลาย จะ เดือดโร้นน์น์น์ ยิ่งกว่าต้องเจอกับ ตี๋ใหญ่ ย่อมน่าจะเป็นสิ่งที่แน่นอน แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง อยู่แล้วแน่ๆ ชนิดที่ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ก๊กเอาบิ๊กตู่ ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ ไปจนถึงก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง ย่อมมีสิทธิ์ถูกป่วน ถูกวอร์ ถูกแบทเทิล เล่นงาน ในระดับหาความสงบ-เรียบ-นิ่ง แทบไม่เจออยู่แล้วแน่ๆ...
---------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าเหนื่อย น่าอ่อนละเพลีย ละเหี่ยใจเอามากๆ เพราะถ้าหากช่วงระยะ 4 ปี 5 ปี ที่สูญเสียไป มันยังไม่สามารถให้คำตอบใหม่ๆ ให้พอรู้สึกได้ว่ามันน่าจะดีไปกว่าเดิม หรือไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การที่ต้องหวนกลับมาสู่วัฏจักร วงจร แบบเดิมๆ มันเลยออกจะเป็นอะไรที่แม้ไม่ถึงกับ เสียของ แต่ก็น่าจะ เสียรังวัด หรือ เสียสุนัข อยู่พอประมาณ และคงต้องถือเป็น การบ้าน สำหรับบรรดาผู้รักบ้าน รักเมือง ทั้งหลาย ที่จะต้องหาทาง ตอบโจทย์ กันซะแต่เนิ่นๆ ว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ให้ วอร์ และ แบทเทิล เหล่านี้ มันฉุดกระชากลากถูประเทศไทยทั้งประเทศ ให้ต้องกลับไปสู่ ทศวรรษแห่งความมืดมน แบบเก่าๆ ได้อีกครั้ง อีกครา...
---------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ถ้ายังต้องปล่อยให้ ก๊กที่หนึ่ง, ก๊กที่สอง, ก๊กที่สาม หรือก๊กเอาบิ๊กตู่ ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ และก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง โรมรันพันตูกันไปตามแบบฉบับของตัวเอง แนวโน้มที่ประเทศไทยจะตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกันกับ พงศาวดาร 3 ก๊ก ของประเทศจีนเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ นอกซะจากว่า ก๊กที่สี่ นั้นสามารถมีฤทธิ์ มีเดช สามารถเปล่งอานุภาพขึ้นมาได้ทันท่วงทีเท่านั้น โอกาสที่ อนาคตประเทศไทย จะไม่เหมือนเดิม หรือไม่ย่ำเท้าอยู่เดิม จึงพอเป็นไปได้ขึ้นมามั่ง ไม่ว่ามาก หรือน้อย แต่ก็น่าจะช่วยให้ แผ่นดินอันงดงาม พอที่จะปรากฏขึ้นมา...ด้วยมือของเราเองนั่นแล...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Martin Luther King Jr. ... We must accept finite disappointment, but we must never lose infinite hope.- เราคงต้องยอมรับกับความผิดหวังที่มีขอบเขต แต่เราต้องไม่สิ้นหวัง ต่อความหวังที่ไร้ขอบเขต...
------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |